Let’s play safe
Call Today : 083-534-4555, 02-006-8887
Room 314 , 246 Sukhumvit Rd, Khwaeng Khlong Toei, Bangkok
Open Hours
Open every day . 12:00 pm - 09:00 pm (Last Case 08.30 pm)

ตรวจสุขภาพประจำปี ตรวจอะไรบ้าง? คู่มือ 2025

การตรวจสุขภาพประจำปี เป็นวิธีง่าย ๆ ในการดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน เพราะช่วยค้นหาความเสี่ยงและโรคที่อาจซ่อนอยู่ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น แม้ในช่วงที่ยังไม่มีอาการ หลายโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง หรือโรคหัวใจ มักแสดงอาการเมื่อเข้าสู่ระยะที่รุนแรงแล้ว การตรวจเป็นประจำจึงช่วยให้แพทย์และผู้รับการตรวจสามารถวางแผนการดูแล ปรับพฤติกรรม หรือเข้ารับการรักษาได้ทันท่วงที

บทความนี้จะอธิบายทุกสิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับการตรวจสุขภาพประจำปี ตั้งแต่ความสำคัญ รายการตรวจที่ควรรู้ ความแตกต่างตามอายุและเพศ วิธีเตรียมตัว ไปจนถึงคำถามที่พบบ่อย พร้อมข้อมูลอัปเดตในปี 2025 เพื่อให้คุณใช้เป็นคู่มือดูแลสุขภาพอย่างมั่นใจ

เลือกหัวข้อที่ต้องการอ่าน แสดง

ตรวจสุขภาพประจำปีคืออะไร และทำไมถึงสำคัญ?

การตรวจสุขภาพประจำปี คือการประเมินสุขภาพโดยรวมของร่างกาย ผ่านการซักประวัติ ตรวจร่างกาย และตรวจทางห้องปฏิบัติการตามความเหมาะสม เช่น ตรวจเลือด หรือเอกซเรย์ การตรวจไม่ได้มีจุดประสงค์เพื่อตรวจหาการเจ็บป่วยเฉพาะ แต่เพื่อค้นหาความเสี่ยงและความผิดปกติที่อาจซ่อนอยู่ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น

เหตุผลที่การตรวจสุขภาพเป็นประจำมีความสำคัญ เพราะโรคหลายชนิด เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ หรือมะเร็งระยะต้น มักไม่มีอาการชัดเจนในช่วงแรก หากตรวจพบได้เร็ว ย่อมช่วยให้การรักษามีประสิทธิภาพมากขึ้น และบางกรณีสามารถปรับพฤติกรรมเพื่อลดความเสี่ยงได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ

งานวิจัยและแนวทางจากองค์การอนามัยโลก (WHO, 2023) และกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข แนะนำว่าการตรวจสุขภาพเชิงป้องกันควรทำอย่างต่อเนื่อง โดยปรับให้เหมาะกับอายุ เพศ และประวัติสุขภาพของแต่ละบุคคล

ตรวจสุขภาพประจำปี ตรวจอะไรบ้าง?

การตรวจสุขภาพประจำปีประกอบด้วยการตรวจหลายด้าน เพื่อประเมินการทำงานของอวัยวะสำคัญและค้นหาความผิดปกติที่อาจยังไม่มีอาการ โดยทั่วไปมักรวมถึง

  • ตรวจร่างกายทั่วไป: วัดความดันโลหิต น้ำหนัก ส่วนสูง ดัชนีมวลกาย
  • ตรวจเลือด: ตรวจระดับน้ำตาล ไขมัน ค่าตับ ไต และการทำงานของเลือด
  • เอกซเรย์หรือภาพถ่ายรังสี: เช่น เอกซเรย์ทรวงอก เพื่อประเมินปอดและหัวใจ
  • คลื่นไฟฟ้าหัวใจ (EKG): ใช้ตรวจจังหวะและการทำงานของหัวใจ
  • การตรวจตาและหู: ประเมินการมองเห็นและการได้ยิน
  • การตรวจเฉพาะเพศหรือช่วงอายุ: เช่น มะเร็งปากมดลูก เต้านม ต่อมลูกหมาก หรือความหนาแน่นของกระดูก

รายการตรวจอาจมีความแตกต่างตามอายุ เพศ และประวัติสุขภาพของแต่ละคน หากต้องการดูรายละเอียดการตรวจที่รวมอยู่ในแต่ละแพ็กเกจ สามารถอ้างอิงได้จากหน้าบริการตรวจสุขภาพประจำปีของคลินิก

ตรวจสุขภาพทุกปีจำเป็นไหม ควรตรวจบ่อยแค่ไหน?

ความถี่ในการตรวจสุขภาพขึ้นอยู่กับอายุ ภาวะสุขภาพ และปัจจัยเสี่ยงส่วนบุคคล โดยทั่วไปผู้ใหญ่ที่สุขภาพแข็งแรงสามารถตรวจสุขภาพปีละครั้ง เพื่อเฝ้าระวังโรคเรื้อรังและปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตได้อย่างเหมาะสม

อย่างไรก็ตาม สำหรับบางกลุ่มอาจต้องตรวจบ่อยกว่านั้น เช่น ผู้ที่มีโรคประจำตัว ความดันโลหิตสูง เบาหวาน หรือผู้ที่มีประวัติครอบครัวเกี่ยวกับโรคหัวใจและมะเร็ง แนวทางจากสมาคมการแพทย์หลายแห่ง (เช่น American Heart Association, 2023) แนะนำให้ตรวจตามคำแนะนำของแพทย์ผู้ดูแล เพื่อให้เหมาะกับความเสี่ยงของแต่ละบุคคล

ตรวจสุขภาพประจำปีกับตรวจเฉพาะโรค ต่างกันอย่างไร?

การตรวจสุขภาพประจำปี เป็นการตรวจร่างกายโดยรวม ครอบคลุมหลายระบบ เพื่อค้นหาความผิดปกติหรือความเสี่ยงตั้งแต่ระยะเริ่มต้น เหมาะสำหรับคนทั่วไปที่ต้องการเช็กสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ แม้ยังไม่มีอาการเจ็บป่วยใด ๆ

ในขณะที่การตรวจเฉพาะโรค มุ่งไปที่อวัยวะหรือภาวะที่สงสัยว่ามีปัญหา เช่น ตรวจหัวใจด้วยคลื่นเสียงสะท้อน (Echocardiogram) สำหรับผู้ที่มีอาการเจ็บหน้าอก หรือการตรวจมะเร็งเต้านมเฉพาะในผู้หญิงที่มีความเสี่ยงสูง การตรวจลักษณะนี้มักทำตามคำแนะนำของแพทย์ เมื่อมีอาการหรือประวัติที่บ่งชี้โดยตรง

ดังนั้น การตรวจสุขภาพประจำปีช่วยดูภาพรวมของร่างกาย ขณะที่การตรวจเฉพาะโรคใช้เพื่อการวินิจฉัยที่เจาะจงมากขึ้น

ตรวจสุขภาพประจำปีกับการตรวจเพื่อทำประกัน/ก่อนเข้าทำงาน

การตรวจสุขภาพประจำปี มีเป้าหมายเพื่อประเมินสุขภาพโดยรวม ค้นหาความเสี่ยง และวางแผนดูแลร่างกายระยะยาว จัดว่าเป็นการตรวจเชิงป้องกันที่ทำอย่างต่อเนื่องทุกปี

ส่วนการตรวจสุขภาพเพื่อทำประกันหรือก่อนเข้าทำงาน จะมีจุดประสงค์เฉพาะ เช่น บริษัทประกันต้องการใช้ผลตรวจประกอบการพิจารณารับทำประกัน หรือสถานประกอบการใช้ผลตรวจเพื่อประเมินความพร้อมของพนักงานใหม่ รายการตรวจในกรณีนี้จึงมักสั้นกว่าและเจาะจงเฉพาะโรคที่เกี่ยวข้องกับการทำงานหรือความคุ้มครองของประกัน

ดังนั้น แม้จะมีความคล้ายกัน แต่การตรวจทั้งสองแบบมีเป้าหมายและรายละเอียดที่ต่างกัน ผู้ที่ตรวจเพื่อประกันหรือเข้าทำงานยังคงควรตรวจสุขภาพประจำปีเพิ่มเติมเพื่อดูแลสุขภาพโดยรวมของตนเอง

โปรแกรมตรวจสุขภาพตามอายุ เพศ และความเสี่ยง

โปรแกรมตรวจสุขภาพไม่ใช่ “หนึ่งเดียวสำหรับทุกคน” แต่ควรปรับให้เหมาะสมกับช่วงอายุ เพศ และปัจจัยเสี่ยงของแต่ละบุคคล

  • วัยทำงาน (20–39 ปี): ควรตรวจพื้นฐาน เช่น ความดันโลหิต น้ำตาล ไขมันในเลือด รวมถึงสุขภาพตาและช่องปาก
  • วัยกลางคน (40–59 ปี): เพิ่มการตรวจโรคหัวใจ ความดัน เบาหวาน และมะเร็งที่พบบ่อยในช่วงวัยนี้ เช่น มะเร็งเต้านม มะเร็งปากมดลูก มะเร็งลำไส้
  • ผู้สูงอายุ (60 ปีขึ้นไป): เน้นโรคเรื้อรังที่เกี่ยวกับหัวใจ หลอดเลือด สมอง ไต และตรวจหาภาวะสมองเสื่อม หรือโรคกระดูกพรุน
  • ปัจจัยเสี่ยงเฉพาะบุคคล: เช่น สูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์บ่อย หรือมีประวัติครอบครัวเป็นโรคหัวใจและมะเร็ง อาจต้องตรวจเพิ่มเติมตามคำแนะนำของแพทย์

การเลือกโปรแกรมที่เหมาะสมจะช่วยให้การตรวจสุขภาพมีประสิทธิภาพและคุ้มค่ามากขึ้น

ตรวจสุขภาพประจำปีสำหรับกลุ่มเฉพาะ (ผู้หญิง ผู้ชาย ผู้สูงอายุ คนทำงานออฟฟิศ ฯลฯ)

นอกจากการตรวจพื้นฐานแล้ว แต่ละกลุ่มควรมีการตรวจเพิ่มเติมตามความเสี่ยงที่แตกต่างกัน

  • ผู้หญิง: ควรตรวจมะเร็งปากมดลูก (Pap smear), มะเร็งเต้านม (Mammogram หรืออัลตราซาวด์) และฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับวัย
  • ผู้ชาย: อาจเพิ่มการตรวจต่อมลูกหมาก (PSA test) โดยเฉพาะในผู้ที่อายุ 50 ปีขึ้นไป หรือมีประวัติครอบครัว
  • ผู้สูงอายุ: ควรตรวจสมรรถภาพหัวใจ สมอง และกระดูก เพื่อป้องกันภาวะกระดูกพรุนและโรคสมองเสื่อม
  • คนทำงานออฟฟิศ: ควรตรวจสายตา กล้ามเนื้อและกระดูก รวมถึงภาวะเครียดและการนอนหลับ ซึ่งมักเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในกลุ่มนี้

การปรับการตรวจสุขภาพตามกลุ่มช่วยให้การดูแลสุขภาพมีความเฉพาะเจาะจงและตรงจุดมากขึ้น

วิธีเตรียมตัวก่อนตรวจสุขภาพประจำปี

การเตรียมตัวที่ถูกต้องช่วยให้ผลการตรวจสุขภาพมีความแม่นยำมากขึ้น และลดความผิดพลาดจากปัจจัยภายนอกที่ควบคุมได้ คำแนะนำทั่วไป ได้แก่

  • งดอาหารและเครื่องดื่มอย่างน้อย 8–12 ชั่วโมง ก่อนการตรวจเลือด โดยเฉพาะอาหารมัน หวาน และแอลกอฮอล์
  • ดื่มน้ำเปล่าได้เล็กน้อย เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ แต่ควรงดชา กาแฟ และน้ำหวาน
  • งดยาบางชนิด เช่น ยาลดน้ำตาลหรือยาความดัน ควรปรึกษาแพทย์ก่อนหยุดยา
  • พักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อย 6–8 ชั่วโมงในคืนก่อนตรวจ
  • เตรียมเอกสารสุขภาพ เช่น บัตรประชาชน ประวัติการเจ็บป่วย ผลตรวจเดิม และรายชื่อยาที่ใช้อยู่

คำแนะนำอาจแตกต่างกันไปตามประเภทการตรวจ ดังนั้นควรสอบถามแพทย์หรือเจ้าหน้าที่ก่อนวันตรวจทุกครั้ง

ตรวจสุขภาพประจำปี ราคาเท่าไหร่? ปัจจัยที่ทำให้ราคาต่างกัน

ค่าใช้จ่ายในการตรวจสุขภาพประจำปีจะแตกต่างกันตามหลายปัจจัย ไม่สามารถกำหนดเป็นราคาตายตัวได้ ปัจจัยหลักที่มีผลต่อราคา ได้แก่

  • รายการตรวจที่รวมในแพ็กเกจ: ยิ่งมีการตรวจละเอียดและครอบคลุมมาก ค่าใช้จ่ายจะสูงขึ้น
  • อายุและเพศของผู้ตรวจ: โปรแกรมสำหรับผู้สูงอายุหรือการตรวจเฉพาะเพศ เช่น มะเร็งเต้านมหรือมะเร็งต่อมลูกหมาก มักมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม
  • สถานพยาบาลที่เลือก: คลินิกเอกชน โรงพยาบาลรัฐ หรือโรงพยาบาลเอกชนขนาดใหญ่ มีโครงสร้างค่าบริการแตกต่างกัน
  • เทคโนโลยีและเครื่องมือที่ใช้: การตรวจด้วยเครื่องมือขั้นสูง เช่น CT scan, MRI หรือการตรวจพันธุกรรม มักมีค่าใช้จ่ายสูงกว่า
  • สิทธิพิเศษหรือโปรโมชัน: บางแห่งมีส่วนลดตามช่วงเวลา หรือสิทธิจากประกันและองค์กรที่ทำงานร่วมกัน

ดังนั้น การเลือกโปรแกรมตรวจควรพิจารณาทั้งความเหมาะสมกับสุขภาพและงบประมาณร่วมกัน เช็ค Package ตรวจสุขภาพประจำปี พร้อมราคาคลิก

ตรวจสุขภาพประจำปีกับสิทธิประกันสังคม/สิทธิอื่น ๆ ใช้ได้หรือไม่?

ผู้ประกันตนตามระบบประกันสังคมในประเทศไทยมีสิทธิรับการตรวจสุขภาพพื้นฐานโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายปีละ 1 ครั้ง รายการตรวจอาจครอบคลุมการวัดความดัน ตรวจเลือดพื้นฐาน ตรวจการทำงานของตับ ไต และระดับไขมัน ทั้งนี้ รายละเอียดสิทธิและช่วงอายุที่ครอบคลุมอาจมีการปรับตามประกาศของสำนักงานประกันสังคมในแต่ละปี

นอกจากนี้ บางสิทธิอื่น เช่น สิทธิหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า (บัตรทอง) หรือสิทธิจากบริษัทประกันเอกชน อาจครอบคลุมการตรวจสุขภาพในระดับหนึ่ง ผู้รับบริการควรตรวจสอบเงื่อนไขกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหรือบริษัทประกันก่อนเข้ารับบริการ เพื่อให้มั่นใจว่าสิทธิครอบคลุมตามความต้องการ

ตรวจสุขภาพประจำปีเจ็บไหม ใช้เวลานานหรือเปล่า?

การตรวจสุขภาพประจำปีโดยทั่วไปไม่ได้สร้างความเจ็บปวดรุนแรง ขั้นตอนที่อาจรู้สึกได้บ้างคือการเจาะเลือด ซึ่งมักเป็นเพียงความรู้สึกเจ็บเล็กน้อยและหายไปอย่างรวดเร็ว การตรวจอื่น ๆ เช่น วัดความดัน เอ็กซเรย์ หรือคลื่นไฟฟ้าหัวใจ มักไม่ก่อให้เกิดความเจ็บปวด

ในด้านเวลา หากเป็นการตรวจพื้นฐาน มักใช้เวลาตั้งแต่ 1–2 ชั่วโมง แต่หากมีการตรวจเพิ่มเติม เช่น ตรวจพิเศษตามอายุหรือเพศ อาจใช้เวลานานขึ้น การเลือกช่วงเวลาที่เหมาะสมและเตรียมเอกสารให้พร้อมจะช่วยให้ขั้นตอนรวดเร็วและสะดวกขึ้น

ประสบการณ์จริง: รีวิวการตรวจสุขภาพประจำปี

หลายคนที่เข้ารับการตรวจสุขภาพประจำปีมักเล่าว่าขั้นตอนเป็นไปอย่างเป็นระบบ เริ่มจากการลงทะเบียนและซักประวัติสุขภาพ ต่อด้วยการวัดสัญญาณชีพ เช่น ความดันโลหิต น้ำหนัก ส่วนสูง และดัชนีมวลกาย หลังจากนั้นจึงเป็นการเจาะเลือด ตรวจปัสสาวะ และการถ่ายภาพเอกซเรย์หรือทำคลื่นไฟฟ้าหัวใจตามโปรแกรมที่เลือก

ผู้ที่เคยตรวจบอกว่าขั้นตอนโดยรวมใช้เวลาไม่นานนัก หากเป็นโปรแกรมพื้นฐานใช้เวลาประมาณ 1–2 ชั่วโมง และผลตรวจบางส่วนสามารถรับได้ภายในวันเดียว สำหรับผลที่ต้องใช้เวลาวิเคราะห์ เช่น ตรวจเลือดละเอียดหรือการตรวจภาพ อาจต้องรอไม่กี่วัน โดยทั่วไปผู้ตรวจจะได้รับคำแนะนำเพิ่มเติมจากแพทย์ก่อนกลับบ้าน ทำให้เข้าใจสุขภาพของตัวเองมากขึ้น

เทรนด์ใหม่ของการตรวจสุขภาพปี 2025 (AI, DNA Screening, Preventive Medicine)

แนวโน้มการตรวจสุขภาพในปี 2025 ก้าวไปไกลกว่าการตรวจพื้นฐานแบบเดิม โดยมีเทคโนโลยีใหม่ที่เข้ามาช่วยเพิ่มความแม่นยำและการป้องกันล่วงหน้า เช่น

  • AI วิเคราะห์ผลตรวจ: ปัญญาประดิษฐ์ถูกนำมาใช้เพื่อช่วยประเมินความเสี่ยงของโรคเรื้อรังจากข้อมูลสุขภาพจำนวนมาก ทำให้แพทย์สามารถให้คำแนะนำที่ตรงจุดมากขึ้น
  • การตรวจพันธุกรรม (DNA Screening): ใช้ค้นหาความเสี่ยงทางพันธุกรรม เช่น มะเร็งบางชนิด หรือโรคหัวใจในครอบครัว เพื่อให้วางแผนดูแลสุขภาพเฉพาะบุคคล
  • การแพทย์เชิงป้องกัน (Preventive Medicine): ไม่เพียงตรวจหาความผิดปกติ แต่เน้นการปรับพฤติกรรมและการติดตามสุขภาพต่อเนื่อง เช่น โปรแกรมดูแลโภชนาการและการออกกำลังกายส่วนบุคคล

แนวทางเหล่านี้ทำให้การตรวจสุขภาพไม่ใช่แค่ “ค้นหาโรค” แต่เป็นการลงทุนเพื่อป้องกันและยืดคุณภาพชีวิตในระยะยาว

ถ้าผลตรวจเจอความผิดปกติ ควรทำอย่างไรต่อ?

เมื่อผลตรวจสุขภาพประจำปีพบค่าที่ผิดปกติ ไม่ควรตื่นตระหนก เพราะบางครั้งอาจเกิดจากปัจจัยชั่วคราว เช่น การนอนน้อย ความเครียด หรือการรับประทานอาหารก่อนตรวจ แต่สิ่งสำคัญคือควรนำผลตรวจไปให้แพทย์ประเมินอย่างละเอียด

แนวทางทั่วไปเมื่อพบค่าผิดปกติ ได้แก่

  • ปรึกษาแพทย์โดยตรง เพื่อวิเคราะห์ความหมายของผลตรวจในบริบทสุขภาพของแต่ละบุคคล
  • ตรวจซ้ำหรือทำการตรวจเพิ่มเติม หากแพทย์เห็นว่าจำเป็น
  • ปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น การควบคุมอาหาร การออกกำลังกาย หรือการพักผ่อนให้เพียงพอ
  • ติดตามต่อเนื่อง ตามนัดหมาย เพื่อเฝ้าระวังการเปลี่ยนแปลงของผลตรวจ

การตรวจพบความผิดปกติแต่เนิ่น ๆ ถือเป็นโอกาสในการดูแลสุขภาพได้ทันเวลา มากกว่าจะเป็นเรื่องที่ควรกังวลเกินไป

สรุป: ตรวจสุขภาพประจำปีจำเป็นแค่ไหน และเลือกที่ไหนดี?

การตรวจสุขภาพประจำปีมีบทบาทสำคัญในการค้นหาความเสี่ยงและภาวะผิดปกติตั้งแต่ระยะเริ่มต้น ช่วยให้สามารถดูแลและวางแผนสุขภาพได้อย่างเหมาะสม แม้จะไม่มีอาการก็ตาม ความถี่และรูปแบบการตรวจควรปรับให้เหมาะกับอายุ เพศ และประวัติสุขภาพของแต่ละบุคคล โดยอาศัยคำแนะนำจากแพทย์เป็นหลัก

เมื่อเลือกสถานพยาบาล ควรพิจารณาความน่าเชื่อถือของทีมแพทย์ ความครบถ้วนของรายการตรวจ เครื่องมือที่ใช้ และความสะดวกในการติดตามผล หากสนใจดูรายละเอียดโปรแกรมและแพ็กเกจตรวจสุขภาพประจำปี สามารถตรวจสอบเพิ่มเติมได้ที่หน้าบริการของคลินิก

แหล่งอ้างอิง

icon email