หลังติดเชื้อ หรือฉีดวัคซีน เราอาจเคยสงสัยว่า… “ร่างกายเรามีภูมิแล้วหรือยัง?” การตรวจ Antibody Test คือคำตอบที่จะช่วยให้คุณรู้ว่าร่างกายได้สร้างภูมิคุ้มกันแล้วหรือยัง และพร้อมต่อสู้กับโรคนั้นได้มากน้อยแค่ไหน
บทความนี้จะอธิบายทุกเรื่องที่ควรรู้ตั้งแต่ตรวจอะไรได้บ้าง เหมาะกับใคร ขั้นตอนเป็นอย่างไร ไปจนถึงการแปลผล และสิ่งที่ควรทำต่อ เหมาะกับทุกคนที่อยากดูแลสุขภาพอย่างรอบด้าน โดยไม่ต้องรอให้ป่วยก่อน
Antibody Test หรือ “การตรวจแอนติบอดี” คือ การตรวจเลือดเพื่อดูว่าในร่างกายของเรามีภูมิคุ้มกัน (แอนติบอดี) ต่อเชื้อโรคบางชนิดหรือไม่ โดยตรวจจาก “ซีรัมในเลือด” หรือที่เรียกว่า serologic test ซึ่งใช้เทคนิคเฉพาะทางในการตรวจจับแอนติบอดีที่ร่างกายสร้างขึ้นหลังจากได้รับเชื้อหรือวัคซีน
มักใช้ใน 2 กรณีหลักๆ
การตรวจนี้ไม่สามารถยืนยันว่า “กำลังติดเชื้ออยู่” ได้ แต่มีประโยชน์อย่างมากในการประเมินภูมิคุ้มกันในระดับประชากร หรือการติดตามสุขภาพระยะยาว
Antibody หรือ “แอนติบอดี” คือโปรตีนที่สร้างขึ้นโดยระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายเพื่อต่อต้านเชื้อโรค เช่น ไวรัส หรือแบคทีเรีย เมื่อร่างกายได้รับเชื้อ หรือวัคซีนที่จำลองลักษณะของเชื้อ ระบบภูมิคุ้มกันจะเรียนรู้และผลิตแอนติบอดีชนิดจำเพาะออกมา ซึ่งสามารถตรวจพบได้ผ่านการตรวจเลือด
การตรวจแอนติบอดีจึงสามารถช่วยประเมินได้ว่า ร่างกาย “มีภูมิแล้วหรือยัง” แต่ไม่สามารถระบุได้เสมอว่า ภูมินั้น “เพียงพอในการป้องกัน” หรือไม่
Antibody Test เป็นวิธีตรวจที่ใช้ค้นหา “ร่องรอยของภูมิคุ้มกัน” ในร่างกาย จึงเหมาะกับการใช้ในโรคที่ร่างกายมีโอกาสสร้างแอนติบอดีหลังติดเชื้อหรือฉีดวัคซีน โดยเฉพาะโรคติดเชื้อเรื้อรัง หรือโรคที่มีวัคซีนป้องกัน
โรค |
จุดประสงค์ของการตรวจ |
---|---|
ตรวจว่ามีแอนติบอดีต่อเชื้อ HIV หรือไม่ (ตรวจ Anti-HIV) |
|
ไวรัสตับอักเสบบี (HBV) |
ตรวจ Anti-HBs เพื่อดูว่ามีภูมิหลังติดเชื้อหรือฉีดวัคซีนหรือไม่ |
ไวรัสตับอักเสบซี (HCV) |
ตรวจ Anti-HCV เพื่อดูเคยติดเชื้อหรือไม่ |
เริม (Herpes Simplex Virus) |
ตรวจว่าร่างกายเคยสร้างภูมิต่อ HSV-1 หรือ HSV-2 หรือไม่ |
COVID-19 |
ตรวจภูมิหลังหายจากโควิดหรือหลังฉีดวัคซีน (Anti-S, Anti-N) |
HPV (บางกรณี) |
ตรวจแอนติบอดีเพื่อศึกษาว่ามีการตอบสนองต่อวัคซีนหรือไม่ (เฉพาะงานวิจัย/เฉพาะทาง) |
หมายเหตุ: ไม่ใช่ทุกโรคจะสามารถใช้ได้ทันทีหลังรับเชื้อ เพราะบางโรคอาจต้องใช้เวลาในการพัฒนาแอนติบอดี หรือมีความไวของชุดตรวจจำกัด
การตรวจ Antibody Test ไม่ได้จำกัดเฉพาะผู้ป่วยหรือคนที่เคยติดเชื้อเท่านั้น แต่ยังเหมาะกับหลายกลุ่มที่ต้องการ “รู้ว่าร่างกายมีภูมิคุ้มกันแล้วหรือยัง” ไม่ว่าจะจากการติดเชื้อจริงหรือหลังฉีดวัคซีน
หลังจากตรวจแล้ว ผลที่ได้จะอยู่ในรูปแบบ “พบ” หรือ “ไม่พบ” แอนติบอดี แต่การแปลผลไม่ได้หมายความแค่ว่า “มีเชื้อ” หรือ “ไม่มีเชื้อ” เพราะ Antibody Test ตรวจ “ภูมิคุ้มกัน” ไม่ใช่การตรวจหาเชื้อโดยตรง
หมายเหตุ: ค่าผลตรวจบางชนิดจะรายงานเป็น “ระดับภูมิ” (quantitative) เช่น Anti-HBs ≥ 10 IU/L = มีภูมิ แต่บางชนิดแค่ “บวก/ลบ” (qualitative)
หลายคนสับสนระหว่างคำว่า “Antibody”, “Antigen” และ “Rapid Test” เพราะชื่อใกล้เคียงกัน แต่ความจริงแล้ว “ตรวจคนละอย่าง ใช้คนละเวลา”
อ่านต่อเพิ่มเติม: Antibody vs Antigen vs Rapid Test ต่างกันยังไง?
แม้ Antibody Test จะมีประโยชน์ในการตรวจภูมิคุ้มกัน แต่ก็ไม่ใช่เครื่องมือที่ใช้ตอบได้ทุกคำถามเสมอไป การเข้าใจข้อจำกัดจะช่วยให้คุณใช้ผลตรวจได้อย่างถูกต้อง และไม่หลงเชื่อข้อมูลผิด ๆ
ปัจจุบันคุณสามารถตรวจได้ทั้งในโรงพยาบาล คลินิก แต่ละที่มีข้อดีแตกต่างกัน ทั้งด้านความสะดวก ความเร็ว และความเป็นส่วนตัว
รายการตรวจ |
ราคาโดยประมาณ (บาท) |
---|---|
Anti-HBs (ภูมิไวรัสตับอักเสบบี) |
550 |
Anti-HCV (ไวรัสตับอักเสบซี) |
500 |
Anti-HIV (ภูมิหลังติดเชื้อ) |
850 |
หมายเหตุ: ราคาขึ้นอยู่กับแต่ละคลินิก
Antibody Test เป็นมากกว่าการ “ตรวจว่ามีหรือไม่มี” แต่คือข้อมูลสำคัญที่จะช่วยให้คุณวางแผนการป้องกันโรคในระยะยาวได้ดียิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเพื่อตัดสินใจฉีดวัคซีนกระตุ้น วางแผน ดูแลครอบครัว หรือป้องกันตัวเองอย่างมั่นใจ
ถ้าคุณอยากรู้ว่าร่างกายของคุณ “พร้อมแค่ไหน” กับโรคที่อาจเกิดขึ้นการตรวจ Antibody Test คือสิ่งที่คุณควรทำ
หากต้องการนัดหมายเข้ารับบริการหรือต้องการปรึกษาเพิ่มเติม
สามารถจองคิวผ่านเว็บไซต์ หรือ Inbox ทางช่องทาง Social Media ต่างๆ ได้ด้านล่างนี้