Let’s play safe
Call Today : 083-534-4555, 02-006-8887
Room 314 , 246 Sukhumvit Rd, Khwaeng Khlong Toei, Bangkok
Open Hours
Open every day . 12:00 pm - 09:00 pm (Last Case 08.30 pm)

Antibody Test กับ Antigen Test ต่างกันอย่างไร? สรุปใน 1 นาที!

หลายคนคงเคยได้ยินคำว่า “Antibody” กับ “Antigen” จากผลตรวจหรือข่าวสารเกี่ยวกับสุขภาพ แต่ก็อาจยังไม่แน่ใจว่า 2 คำนี้แตกต่างกันตรงไหน แล้วควรตรวจแบบไหนให้เหมาะกับตัวเอง

บทความนี้เราจะพาคุณแยกแยะความแตกต่างระหว่าง การตรวจภูมิคุ้มกัน (Antibody Test) กับ การตรวจหาเชื้อ (Antigen Test) แบบเข้าใจง่าย พร้อมแนะนำ ควรตรวจตอนไหน แบบไหนถึงเหมาะกับคุณ

Antibody Test คืออะไร?

Antibody Test หรือ “การตรวจแอนติบอดี” คือการตรวจเลือดเพื่อดูว่าในร่างกายมี ภูมิคุ้มกัน (แอนติบอดี) ต่อเชื้อโรคบางชนิดหรือไม่ แอนติบอดีเหล่านี้มักเกิดขึ้นหลังจากร่างกายเคย ติดเชื้อ หรือ ได้รับวัคซีน มาก่อน

ใช้ตรวจอะไร?

  • ใช้ตรวจว่า “ร่างกายเคยเจอเชื้อมาแล้วหรือยัง”
  • ใช้ตรวจว่า “ร่างกายสร้างภูมิหลังฉีดวัคซีนหรือไม่”

Antibody Test จึงไม่เหมาะกับการวินิจฉัยโรคในขณะที่กำลังติดเชื้ออยู่ แต่เหมาะกับการตรวจหลังผ่านไปสักระยะ หรือใช้เพื่อตรวจดูประวัติภูมิคุ้มกัน

ตรวจจากอะไร?

  • โดยทั่วไปใช้วิธี เจาะเลือดจากหลอดเลือดดำ
  • ส่งตรวจในห้องแล็บ เพื่อหาว่ามีแอนติบอดีต่อเชื้อนั้นหรือไม่
  • บางกรณีอาจมีชุดตรวจแบบเร่งด่วน (Rapid Antibody Test) ซึ่งให้ผลเร็วขึ้น

Antigen Test คืออะไร?

Antigen Test หรือ “การตรวจแอนติเจน” คือการตรวจเพื่อหา ชิ้นส่วนของเชื้อโรค (แอนติเจน) ที่อยู่ในร่างกาย มักใช้ตรวจในช่วงที่มีโอกาส “กำลังติดเชื้อ” เพื่อดูว่ามีเชื้ออยู่นั้นในระบบหรือไม่

ใช้ตรวจอะไร?

  • ตรวจว่า ขณะนี้ร่างกายมีเชื้ออยู่อย่างชัดเจนหรือไม่
  • นิยมใช้ในโรคที่มีการระบาด เช่น COVID-19, RSV
  • มักใช้ในผู้ที่ “มีอาการ” หรือ “เสี่ยงเพิ่งสัมผัสเชื้อมา”

จุดเด่นของ Antigen Test

  • รู้ผลเร็วมาก ภายใน 15–30 นาที → เรียกว่า Rapid Antigen Test
  • ใช้งานง่าย มีแบบตรวจจากโพรงจมูก / น้ำลาย / ช่องปาก
  • ช่วยแยกผู้ติดเชื้อเบื้องต้นได้รวดเร็วในช่วงแรกของโรค

ไม่เหมาะสำหรับดูภูมิคุ้มกัน หรือเช็กหลังหายป่วย

Antibody vs Antigen Test ต่างกันยังไง?

แม้ชื่อจะคล้ายกัน แต่ Antibody Test กับ Antigen Test คือการตรวจคนละอย่าง และใช้ในจุดประสงค์ที่ต่างกันโดยสิ้นเชิง

หัวข้อ

Antibody Test

Antigen Test

ตรวจหาอะไร

แอนติบอดี (ภูมิคุ้มกัน)

แอนติเจน (เชื้อไวรัส/แบคทีเรีย)

ตรวจเมื่อไหร่

หลังติดเชื้อหรือฉีดวัคซีน

ขณะสงสัยว่าติดเชื้อ/มีอาการ

ใช้เพื่อตรวจ

“เคยเจอเชื้อมาแล้วไหม?”

“ตอนนี้มีเชื้ออยู่ในร่างกายไหม?”

เหมาะกับใคร

ผู้ฉีดวัคซีน, ผู้หายป่วย, ตรวจภูมิ

ผู้ที่มีความเสี่ยงหรือต้องรู้ผลเร็ว

ระยะเวลารู้ผล

1–3 วัน (หรือ Rapid)

15–30 นาที (Rapid)

ตัวอย่างที่ใช้

เจาะเลือด

แหย่จมูก / น้ำลาย / ช่องปาก

ไม่เหมาะกับ

การวินิจฉัยการติดเชื้อสด

การตรวจว่ามีภูมิหรือไม่

จะเลือกตรวจแบบไหนดี?

เมื่อรู้แล้วว่า Antibody และ Antigen Test ตรวจคนละอย่าง คำถามต่อมาก็คือ… “แล้วของเราควรตรวจแบบไหนดี?” การเลือกวิธีตรวจที่เหมาะสม ไม่เพียงช่วยให้คุณได้รับผลลัพธ์ที่แม่นยำขึ้น แต่ยังประหยัดเวลา และลดความเครียดจากผลที่อาจคลาดเคลื่อน

สถานการณ์ของคุณ

แนะนำตรวจแบบ

มีอาการคล้ายติดเชื้อ เช่น ไข้ เจ็บคอ

Antigen Test

เพิ่งสัมผัสคนติดเชื้อ / เสี่ยงสูง

Antigen Test

เคยติดเชื้อแล้ว อยากรู้ว่ามีภูมิไหม

Antibody Test

ฉีดวัคซีนแล้ว อยากรู้ว่าสร้างภูมิหรือยัง

Antibody Test

ต้องเดินทางไปต่างประเทศ / ทำงานกับผู้ป่วย

Antibody Test + Antigen Test (คู่กัน)

ไม่แน่ใจว่าควรตรวจอะไร

ปรึกษาแพทย์ที่ Bangkok Safe Clinic

ตรวจทั้ง 2 แบบในวันเดียวได้ไหม?

คำตอบคือ “ได้” และในบางกรณีก็ แนะนำให้ทำทั้งสองแบบร่วมกัน การตรวจ Antibody Test และ Antigen Test ในวันเดียวกัน เหมาะกับผู้ที่ต้องการ ประเมินสุขภาพอย่างรอบด้าน ทั้งในมุมของการตรวจว่า “มีเชื้ออยู่ตอนนี้หรือไม่” และ “ร่างกายมีภูมิแล้วหรือยัง”

ตัวอย่างกลุ่มที่ควรพิจารณาตรวจคู่กัน

  • ต้องใช้ใบรับรองสุขภาพก่อนเดินทางต่างประเทศ
  • ทำงานในสถานที่เสี่ยง เช่น โรงพยาบาล หรือสถานบันเทิง
  • ต้องดูแลผู้ป่วยเรื้อรัง / ผู้สูงอายุ / เด็กเล็ก
  • ต้องการความมั่นใจสูงในช่วงที่มีความเสี่ยง

Safe Clinic มีบริการแพ็กเกจตรวจคู่ Antibody + Antigen พร้อมให้คำแนะนำส่วนตัวจากแพทย์

Antibody Test หรือ Antigen Test แบบไหนแม่นกว่า?

คำถามว่า “ตรวจแบบไหนแม่นกว่า” เป็นคำถามยอดฮิตที่ไม่มีคำตอบเดียว เพราะความแม่นยำของการตรวจขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ช่วงเวลาที่ตรวจ, อาการ, และ คุณภาพของชุดตรวจ

ถ้าต้องการรู้ว่า “ติดเชื้ออยู่ตอนนี้ไหม”

→ เลือก Antigen Test

  • ถ้าตรวจในช่วงที่เริ่มมีอาการหรือเพิ่งสัมผัสเชื้อ 1–5 วัน
    ใช้ตรวจเบื้องต้นได้ดี แม่นยำสูงในช่วง Viral Load สูง
  • มีโอกาส “ผลลบลวง” ถ้าตรวจเร็วเกินไป / ไม่มีอาการเลย

ถ้าต้องการรู้ว่า “ร่างกายมีภูมิแล้วไหม”

→ เลือก Antibody Test

  • แม่นยำเมื่อร่างกายมีเวลาสร้างภูมิ (2–4 สัปดาห์หลังติดเชื้อหรือฉีดวัคซีน)
  • ถ้าตรวจเร็วเกินไป อาจยังไม่เจอภูมิ = “ผลลบลวง”

Antibody Test ใช้บอกอะไรไม่ได้บ้าง?

แม้ Antibody Test จะมีประโยชน์มากในการดูว่าร่างกายมีภูมิคุ้มกันหรือไม่ แต่ก็มีข้อจำกัดบางอย่างที่สำคัญ ซึ่งควรเข้าใจก่อนตัดสินใจตรวจ

  1. ใช้ตรวจการติดเชื้อ “ขณะนี้” ไม่ได้
    • Antibody Test ไม่สามารถบอกได้ว่าคุณ “กำลังติดเชื้ออยู่หรือไม่”
    • หากสงสัยว่ามีเชื้อ → ควรใช้ Antigen หรือ PCR แทน
  2. ตรวจเร็วเกินไป = อาจได้ผลลบปลอม
    • ร่างกายต้องใช้เวลาในการสร้างภูมิ
    • ถ้าตรวจเร็วเกินไป (ภายใน 1–2 สัปดาห์หลังรับเชื้อ/วัคซีน) อาจยังไม่เจอแอนติบอดี
  3. มีภูมิ ≠ ป้องกันโรค 100%
    • บางคนมีภูมิ แต่ระดับต่ำ → อาจไม่เพียงพอในการป้องกัน
    • ต้องดู “ระดับภูมิ” (ถ้าเป็นการตรวจแบบเชิงปริมาณ)
  4. ใช้ไม่ได้กับโรคบางชนิด
    • เช่น หนองใน คลามัยเดีย → ต้องตรวจด้วยวิธีอื่น เช่น PCR
    • ไม่ใช่ทุกโรคจะมี Antibody Test ที่แม่นยำหรือผ่านการรับรอง

ผลตรวจแบบไหนควรตรวจซ้ำ?

การตรวจ Antibody หรือ Antigen Test อาจให้ผล “ลบ” แม้คุณจะเคยติดเชื้อหรือมีภูมิคุ้มกันแล้ว เพราะการตรวจแต่ละแบบมีช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุด หากตรวจผิดเวลา อาจต้อง “ตรวจซ้ำ” เพื่อให้ได้ผลแม่นยำยิ่งขึ้น

กรณีที่ควรตรวจซ้ำ

  1. ตรวจ Antibody แต่ผลลบ
    • อาจเพราะตรวจเร็วเกินไป ร่างกายยังไม่สร้างภูมิ
    • ควรตรวจซ้ำในอีก 2–4 สัปดาห์
  2. ตรวจ Antigen แต่ไม่มีอาการ → ผลลบ
    • ถ้าเพิ่งสัมผัสเชื้อภายใน 1–2 วัน อาจยังไม่เจอ
    • แนะนำตรวจซ้ำวันที่ 3–5 หลังสัมผัส
  3. มีอาการ แต่ผลตรวจลบ
    • ถ้ายังมีอาการต่อเนื่อง อาจต้องตรวจซ้ำด้วย PCR หรือใช้ Antigen อีกรอบ

การตรวจซ้ำในเวลาที่เหมาะสม ช่วยลดความเสี่ยงจาก “ผลลบลวง” (False Negative) หากไม่แน่ใจ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อวางแผนตรวจให้ตรงจุด

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Antibody และ Antigen Test

Rapid Test คือ Antibody หรือ Antigen?
Rapid Test หมายถึง “ชุดตรวจที่รู้ผลเร็ว” อาจเป็นแบบ Antigen หรือ Antibody ก็ได้ → ต้องดูรายละเอียดชุดตรวจ

ตรวจ Antibody แล้วรู้ไหมว่าติดเชื้ออยู่?
ไม่ได้ครับ Antibody Test ตรวจ “ภูมิหลังติดเชื้อ” หรือ “หลังฉีดวัคซีน” ไม่สามารถใช้บอกว่า “ตอนนี้มีเชื้ออยู่หรือไม่” แนะนำตรวจ Antigen หรือ PCR แทน

Antigen Test ตรวจภูมิได้ไหม?
ไม่ได้ครับ Antigen Test ตรวจหา “เชื้อ” โดยตรง ไม่เกี่ยวกับภูมิคุ้มกันเลย

ถ้าตรวจ Antibody เป็นลบ = ไม่มีภูมิแน่นอน?
ไม่เสมอไป อาจเกิดจาก:เพิ่งฉีดวัคซีนหรือติดเชื้อ → ยังไม่ทันสร้างภูมิ หรือภูมิหมดไปแล้ว ควรตรวจซ้ำหลัง 2–4 สัปดาห์ หรือปรึกษาแพทย์

ตรวจพร้อมกัน 2 แบบต้องงดน้ำ/อาหารไหม?
ไม่จำเป็น โดยทั่วไป ไม่ต้องงดอาหารหรือน้ำ ยกเว้นกรณีแพทย์แนะนำเฉพาะ

 บทสรุป

การตรวจ Antibody และ Antigen มีบทบาทต่างกันชัดเจน เพียงแค่เข้าใจหลักการและช่วงเวลาที่เหมาะสม ก็สามารถเลือกตรวจให้ตรงกับความต้องการได้ ไม่ว่าจะเป็นการเช็กภูมิหลังฉีดวัคซีน หรือการรู้ผลไวเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ

หากยังไม่แน่ใจว่าควรเลือกแบบไหน แนะนำปรึกษาแพทย์ที่ Safe Clinic เพื่อความมั่นใจและปลอดภัยสูงสุด

icon email