Let’s play safe
Call Today : 083-534-4555, 02-006-8887
Room 314 , 246 Sukhumvit Rd, Khwaeng Khlong Toei, Bangkok
Open Hours
Open every day . 12:00 pm - 09:00 pm (Last Case 08.30 pm)

ซิฟิลิสลงหัวใจ คืออะไร? เสี่ยงหัวใจวายเฉียบพลัน! รู้วิธีรักษา ป้องกัน 2025

แม้ซิฟิลิสจะเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่หลายคนรู้จัก แต่ยังมีอีกหนึ่งภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงที่มักถูกมองข้าม คือ “ซิฟิลิสในหัวใจและหลอดเลือด” ภาวะนี้มักเกิดขึ้นในผู้ที่ติดเชื้อมานานโดยไม่รู้ตัว หรือไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้องตั้งแต่ต้น เชื้อแบคทีเรียจะค่อย ๆ ทำลายผนังหลอดเลือดใหญ่และวาล์วหัวใจ จนก่อให้เกิดอาการรุนแรง เช่น หลอดเลือดโป่งพอง ลิ้นหัวใจรั่ว หรือแม้กระทั่งหัวใจวายเฉียบพลัน

บทความนี้จะพาคุณเข้าใจตั้งแต่พื้นฐานของภาวะนี้ กลุ่มเสี่ยง สัญญาณเตือน วิธีวินิจฉัย ไปจนถึงการรักษาอย่างครบถ้วน เพื่อให้สามารถรับมือได้ทันท่วงทีก่อนเกิดอันตรายที่ไม่คาดคิด

เลือกหัวข้อที่ต้องการอ่าน แสดง

ซิฟิลิสในหัวใจและหลอดเลือด คืออะไร?

ซิฟิลิสในหัวใจและหลอดเลือด (Cardiovascular Syphilis) เป็นภาวะแทรกซ้อนของโรคซิฟิลิสระยะที่สาม ซึ่งอาจเกิดขึ้นหลังจากผู้ป่วยได้รับเชื้อมาแล้วหลายปีโดยไม่ได้รับการรักษา หรือรักษาไม่ครบถ้วน เชื้อแบคทีเรีย Treponema pallidum จะค่อยๆ แทรกซึมเข้าสู่ระบบหลอดเลือด โดยเฉพาะหลอดเลือดแดงใหญ่ (Aorta) ทำให้ผนังหลอดเลือดอ่อนแอลง อาจนำไปสู่ภาวะหลอดเลือดโป่งพอง (Aortic Aneurysm) หรือวาล์วหัวใจรั่ว (Aortic Regurgitation)

ความรุนแรงของโรคสามารถนำไปสู่หัวใจวายเฉียบพลัน หรือภาวะหัวใจล้มเหลวเรื้อรังได้ ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักไม่รู้ตัวว่าเคยติดเชื้อมาก่อน เนื่องจากเชื้อมักหลบซ่อนโดยไม่มีอาการชัดเจนในช่วงแรก

เชื้อซิฟิลิสทำลายหัวใจได้อย่างไร?

เมื่อเชื้อ Treponema pallidum เข้าสู่กระแสเลือดในระยะลึกของการติดเชื้อ เชื้อนี้จะค่อยๆ แทรกซึมเข้าสู่ผนังของหลอดเลือดแดงใหญ่ โดยเฉพาะในบริเวณทรวงอก (Thoracic Aorta) ส่งผลให้เกิดการอักเสบของหลอดเลือดเล็ก (vasa vasorum) ที่คอยหล่อเลี้ยงผนังหลอดเลือดหลัก

การอักเสบนี้ทำให้ผนังหลอดเลือดอ่อนแอลง เกิดการเสื่อมของเนื้อเยื่อ และนำไปสู่การโป่งพองของหลอดเลือด (Aortic Aneurysm) หรือการรั่วของลิ้นหัวใจ (Aortic Regurgitation) ซึ่งเป็นภาวะที่อาจทำให้หัวใจทำงานผิดปกติ และพัฒนาไปสู่ภาวะหัวใจล้มเหลวในระยะยาว

อาการเตือนว่าเชื้อซิฟิลิสลงหัวใจแล้ว

ซิฟิลิสที่ลุกลามเข้าสู่ระบบหัวใจและหลอดเลือดมักไม่มีอาการชัดเจนในช่วงแรก แต่เมื่อเกิดความเสียหายต่อหลอดเลือดหรือวาล์วหัวใจมากขึ้น อาการจะค่อยๆ แสดงออกมา ซึ่งอาจถูกเข้าใจผิดว่าเป็นโรคหัวใจทั่วไปหากไม่ได้ตรวจอย่างละเอียด

อาการที่ควรระวัง ได้แก่:

  • เจ็บหน้าอกแบบตื้อๆ โดยเฉพาะเวลาหายใจเข้าออกลึกๆ
  • เหนื่อยง่ายแม้ไม่ได้ออกแรงมาก
  • หัวใจเต้นผิดจังหวะ
  • ขาบวม เหนื่อยตอนนอนราบ
  • เวียนหัวหรือหมดสติฉับพลัน

ผู้ที่มีประวัติเคยติดซิฟิลิสมาก่อนโดยไม่ได้รักษาหรือรักษาไม่ครบ ควรแจ้งแพทย์เพื่อพิจารณาการตรวจระบบหัวใจเพิ่มเติม

ซิฟิลิสลงหัวใจ พบได้ในใครบ้าง?

แม้ว่าภาวะซิฟิลิสในหัวใจและหลอดเลือดจะพบได้น้อยเมื่อเทียบกับซิฟิลิสในระยะอื่น ๆ แต่กลุ่มเสี่ยงที่มีแนวโน้มพบภาวะนี้ได้มากกว่าคือผู้ที่ติดเชื้อซิฟิลิสมานานกว่า 10 ปี และไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้องตั้งแต่แรก

กลุ่มที่ควรเฝ้าระวัง ได้แก่:

  • ผู้ที่เคยมีผลเลือดซิฟิลิสเป็นบวกแต่ไม่เคยได้รับการรักษา
  • ผู้ที่มีพฤติกรรมเสี่ยงสูง เช่น มีคู่นอนหลายคน หรือไม่ใช้ถุงยางอนามัย
  • ผู้ที่ติดเชื้อ HIV หรือมีภูมิคุ้มกันต่ำ
  • ผู้สูงอายุที่อาจติดเชื้อในอดีตโดยไม่รู้ตัว

การตรวจคัดกรองซิฟิลิสในกลุ่มเหล่านี้ควรทำเป็นระยะ เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นตามมาในอนาคต

ภาวะแทรกซ้อนเมื่อซิฟิลิสเข้าสู่หลอดเลือดใหญ่

เมื่อเชื้อซิฟิลิสเข้าสู่หลอดเลือดใหญ่โดยเฉพาะในบริเวณทรวงอก ความเสียหายที่เกิดขึ้นสามารถก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรงและเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ หากไม่ถูกวินิจฉัยและรักษาแต่เนิ่น ๆ โดยภาวะที่พบบ่อยที่สุด ได้แก่:

Aortic Aneurysm คืออะไร?

Aortic aneurysm คือภาวะที่ผนังของหลอดเลือดแดงใหญ่ (aorta) อ่อนแอลงและโป่งพองออกเหมือนลูกโป่ง เนื่องจากการทำลายของเชื้อซิฟิลิสในชั้นผนังหลอดเลือด ทำให้หลอดเลือดบางลงและขยายตัวผิดปกติ

หากปล่อยไว้โดยไม่รักษา ผนังหลอดเลือดที่โป่งพองอาจแตกจนเกิด aortic rupture ซึ่งเป็นภาวะฉุกเฉินที่มีอัตราการเสียชีวิตสูงมากภายในเวลาอันสั้น

ลิ้นหัวใจรั่วคืออะไร?

Aortic regurgitation คือภาวะที่ลิ้นหัวใจไม่สามารถปิดได้สนิท ทำให้เลือดที่ถูกสูบออกจากหัวใจกลับไหลย้อนเข้าสู่หัวใจห้องล่างซ้ายอีกครั้ง ส่งผลให้หัวใจทำงานหนักขึ้น

ในระยะยาว ภาวะนี้อาจทำให้กล้ามเนื้อหัวใจหนาตัว หรือเกิดภาวะหัวใจล้มเหลวเรื้อรัง ซึ่งผู้ป่วยจะมีอาการเหนื่อยง่าย ใจสั่น หรือแน่นหน้าอกขณะออกแรง

ซิฟิลิสกับโรคหัวใจอื่นต่างกันอย่างไร?

แม้ภาวะหัวใจผิดปกติจากซิฟิลิสจะมีลักษณะคล้ายกับโรคหัวใจทั่วไปหลายประการ เช่น หัวใจล้มเหลวหรือเจ็บหน้าอก แต่มีจุดสังเกตสำคัญที่ทำให้สามารถแยกแยะได้ว่าต้นเหตุเกิดจากเชื้อซิฟิลิสหรือไม่

ความต่างที่สำคัญ

  • อายุของผู้ป่วย: โรคหัวใจจากซิฟิลิสมักพบในวัยกลางคนถึงสูงอายุที่เคยติดเชื้อมานาน โดยไม่มีประวัติปัจจัยเสี่ยงแบบโรคหัวใจทั่วไป เช่น เบาหวาน ความดัน
  • ตำแหน่งของความผิดปกติ: ความผิดปกติมักเกิดกับหลอดเลือดแดงใหญ่ส่วนต้นและลิ้นหัวใจ ซึ่งเป็นตำแหน่งจำเพาะของการอักเสบจากเชื้อ
  • การตรวจทางห้องปฏิบัติการ: หากผลตรวจซิฟิลิสเป็นบวกโดยที่ไม่มีอาการระยะต้นของโรคแล้ว แต่พบอาการหัวใจ อาจต้องสงสัยภาวะนี้

ต้องวินิจฉัยแยกโรค

การวินิจฉัยภาวะนี้ต้องแยกจากโรคหัวใจทั่วไป เช่น โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ หรือกล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรงจากสาเหตุอื่น การตรวจทางภาพถ่ายรังสี หัวใจอัลตราซาวนด์ และการตรวจเลือดเฉพาะทางเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อยืนยัน

แนวทางตรวจหัวใจในผู้ติดเชื้อซิฟิลิส

ในผู้ที่มีประวัติเคยติดเชื้อซิฟิลิส หรือมีผลเลือดเป็นบวก แพทย์อาจแนะนำให้ตรวจระบบหัวใจเพื่อคัดกรองภาวะแทรกซ้อน โดยเฉพาะในกรณีที่ติดเชื้อมานานหรือมีอาการบ่งชี้ของระบบหัวใจ

ขั้นตอนการตรวจ

  • ซักประวัติและตรวจร่างกาย: รวมถึงการฟังเสียงหัวใจเพื่อตรวจหาความผิดปกติของลิ้นหัวใจ
  • ตรวจเลือด: เพื่อดูระดับภูมิคุ้มกัน และเช็คการติดเชื้อซ้ำ
  • X-ray ทรวงอก: ใช้ดูขนาดของหลอดเลือดแดงใหญ่
  • คลื่นเสียงหัวใจ (Echocardiogram): ตรวจหาความผิดปกติของวาล์วหัวใจ
  • CT หรือ MRI หลอดเลือด (Aortic Imaging): ใช้ยืนยันการโป่งพองของหลอดเลือดหรืออักเสบในชั้นผนัง

แนะนำเพิ่มเติม

ผู้ป่วยซิฟิลิสที่ติดเชื้อมานานกว่า 10 ปี หรือไม่มั่นใจว่าเคยได้รับการรักษาหรือไม่ ควรตรวจระบบหัวใจอย่างน้อย 1 ครั้ง แม้ไม่มีอาการ เพื่อประเมินความเสี่ยงแอบแฝงที่อาจคุกคามชีวิตในอนาคต

การรักษาภาวะ ซิฟิลิสลงหัวใจ

เมื่อมีการวินิจฉัยว่าเชื้อซิฟิลิสได้ลุกลามเข้าสู่หัวใจหรือหลอดเลือดใหญ่ การรักษาจะต้องดำเนินควบคู่กันสองด้าน ได้แก่ การกำจัดเชื้อ และการดูแลรักษาความเสียหายที่เกิดขึ้นกับหัวใจ

รักษาด้วยยาปฏิชีวนะ

  • ยาหลักที่ใช้คือ Penicillin G ซึ่งแพทย์จะให้ในขนาดสูงและต่อเนื่องเพื่อให้เชื้อหมดจากกระแสเลือดและเนื้อเยื่อ
  • หากผู้ป่วยแพ้เพนิซิลลิน อาจต้องทำ Desensitization เพื่อให้สามารถใช้ยาได้ หรือพิจารณาใช้ยาทดแทนอื่นในบางกรณี

รักษาภาวะแทรกซ้อนทางหัวใจ

  • หากมี aortic aneurysm หรือ aortic regurgitation ที่รุนแรง อาจจำเป็นต้องผ่าตัดเปลี่ยนหลอดเลือดหรือซ่อมแซมลิ้นหัวใจ
  • ต้องติดตามอาการอย่างต่อเนื่องด้วยการตรวจคลื่นหัวใจและภาพถ่ายหลอดเลือดเป็นระยะ

การวางแผนการรักษาจะขึ้นอยู่กับระยะของโรค ความรุนแรงของภาวะแทรกซ้อน และสุขภาพโดยรวมของผู้ป่วย

ซิฟิลิสกับการผ่าตัดหัวใจ: จำเป็นเมื่อไร?

ในบางกรณีที่ซิฟิลิสลุกลามถึงระบบหัวใจและก่อให้เกิดความเสียหายรุนแรง เช่น หลอดเลือดแดงโป่งพองขนาดใหญ่ หรือวาล์วหัวใจรั่วขั้นรุนแรง การรักษาโดยใช้ยาเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ จำเป็นต้องพิจารณาการผ่าตัดหัวใจร่วมด้วย

เมื่อไรควรผ่าตัด?

  • มี Aortic Aneurysm ที่มีขนาดเกิน 5-6 ซม. หรือมีอาการปวดอย่างเฉียบพลัน
  • พบ Aortic Regurgitation รุนแรง ร่วมกับภาวะหัวใจล้มเหลว
  • มีความเสี่ยงแตกของหลอดเลือดหรือเสียชีวิตฉับพลัน

การเตรียมตัวก่อนผ่าตัด

  • ตรวจสอบระดับเชื้อซิฟิลิสให้แน่ชัดก่อนการผ่าตัด
  • ปรับยาปฏิชีวนะให้เหมาะสม
  • อาจต้องมีการตรวจประเมินระบบอื่นร่วมด้วย เช่น สมองและไต

ผลลัพธ์หลังการผ่าตัด

โดยทั่วไป หากได้รับการรักษาอย่างครบถ้วนและเชื้อถูกกำจัดเรียบร้อยแล้ว ผู้ป่วยมีโอกาสฟื้นตัวได้ดี การผ่าตัดหัวใจในกรณีนี้สามารถลดความเสี่ยงเสียชีวิตจากภาวะแทรกซ้อนได้อย่างมาก

รักษาช้า เสี่ยงหัวใจวายเฉียบพลันจริงไหม?

ซิฟิลิสในระยะที่ลุกลามเข้าสู่หลอดเลือดใหญ่นั้น อาจใช้เวลาหลายปีจึงจะแสดงอาการ แต่หากปล่อยไว้โดยไม่ได้รับการรักษา ความเสียหายที่สะสมจะส่งผลต่อหัวใจอย่างรุนแรง และอาจนำไปสู่ภาวะหัวใจวายเฉียบพลันได้จริง

กลไกของหัวใจวายจากซิฟิลิส

  • การโป่งพองของหลอดเลือดใหญ่ อาจทำให้เกิด rupture (หลอดเลือดแตก) ทันที
  • ลิ้นหัวใจรั่วหนัก ทำให้เลือดไหลย้อนกลับตลอดเวลา ส่งผลให้หัวใจต้องทำงานหนักจนล้มเหลว
  • หลอดเลือดที่อักเสบ อาจรบกวนการไหลเวียนของเลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจ

ความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น

ผู้ป่วยที่ไม่เคยรู้ตัวว่าติดเชื้อซิฟิลิส หรือไม่ได้รับการรักษาที่เหมาะสม มีความเสี่ยงมากกว่าคนทั่วไป เพราะความเสียหายจะค่อยๆ สะสมและแสดงอาการก็ต่อเมื่อเข้าสู่ระยะรุนแรงแล้วเท่านั้น

คำถามที่พบบ่อย: ซิฟิลิสในหัวใจและหลอดเลือด

ซิฟิลิสทำให้หัวใจวายเฉียบพลันได้จริงหรือ?

ได้ หากเชื้อทำให้หลอดเลือดแดงใหญ่โป่งพองหรือวาล์วหัวใจเสียหายรุนแรง โดยเฉพาะในผู้ที่ไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม

ถ้าเคยติดซิฟิลิสมานานแล้ว แต่ไม่เคยมีอาการ ต้องตรวจหัวใจไหม?

แนะนำให้ตรวจ เนื่องจากภาวะซิฟิลิสในหัวใจมักไม่แสดงอาการจนกว่าจะเข้าสู่ระยะรุนแรง

วินิจฉัยซิฟิลิสในหัวใจต้องเจาะน้ำไขสันหลังไหม?

ไม่จำเป็นเสมอไป การเจาะน้ำไขสันหลังจะทำในกรณีที่สงสัยว่ามีการติดเชื้อในระบบประสาทร่วมด้วย

ถ้าเป็นโรคหัวใจอยู่แล้ว จะรู้ไหมว่ามาจากซิฟิลิส?

อาจแยกได้ยากหากไม่ตรวจเลือดเฉพาะทาง แนะนำแจ้งแพทย์หากมีประวัติเคยติดเชื้อซิฟิลิส

โรคนี้รักษาแล้วกลับมาเป็นอีกได้ไหม?

หากได้รับยาปฏิชีวนะครบและเหมาะสม มีโอกาสหายขาดสูง แต่หากยังมีพฤติกรรมเสี่ยง อาจติดเชื้อใหม่ได้

บทสรุป

ซิฟิลิสในหัวใจและหลอดเลือดเป็นภาวะที่ไม่ควรมองข้าม แม้จะพบได้น้อยเมื่อเทียบกับระยะอื่นของโรคซิฟิลิส แต่หากเกิดขึ้นแล้วจะมีความรุนแรงสูงและอาจคร่าชีวิตได้โดยไม่ทันตั้งตัว การตรวจคัดกรองอย่างสม่ำเสมอโดยเฉพาะในผู้ที่มีความเสี่ยงสูง การรักษาที่ถูกต้อง และการติดตามอาการอย่างใกล้ชิด จะช่วยลดโอกาสเกิดภาวะนี้ได้อย่างมีนัยสำคัญ

icon email