โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (STIs) ยังคงเป็นปัญหาสุขภาพที่พบได้บ่อยในปัจจุบัน โดยเฉพาะในกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง เช่น ชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย ผู้หญิงข้ามเพศ หรือผู้ที่มีคู่นอนหลายคน นอกจากการใช้ถุงยางอนามัยและการตรวจสุขภาพสม่ำเสมอแล้ว ปัจจุบันมีอีกหนึ่งทางเลือกที่เริ่มได้รับความสนใจคือ Doxy PEP (Doxycycline Post-Exposure Prophylaxis)
Doxy PEP คือการใช้ยาปฏิชีวนะ ด็อกซีไซคลิน (Doxycycline) หลังจากมีเพศสัมพันธ์เสี่ยงภายใน 24–72 ชั่วโมง เพื่อช่วยลดโอกาสการติดเชื้อแบคทีเรียบางชนิด เช่น ซิฟิลิส คลามีเดีย และหนองใน หลายงานวิจัยระดับนานาชาติ รวมถึงแนวทางจาก CDC เริ่มสนับสนุนการใช้ในบางกลุ่มประชากรที่มีความเสี่ยงสูง
บทความนี้จะอธิบาย Doxy PEP คืออะไร ใช้อย่างไร ป้องกันโรคอะไรได้บ้าง ใครควรใช้ ผลข้างเคียง ราคา และข้อถกเถียงในอนาคต เพื่อให้คุณเข้าใจและตัดสินใจได้อย่างรอบด้านภายใต้คำแนะนำของแพทย์
Doxy PEP (Doxycycline Post-Exposure Prophylaxis) คือ การใช้ยาปฏิชีวนะชื่อ ด็อกซีไซคลิน (Doxycycline) หลังมีเพศสัมพันธ์ที่มีความเสี่ยง โดยต้องรับประทาน ภายใน 24–72 ชั่วโมง เพื่อช่วยลดโอกาสการติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์บางชนิดที่เกิดจากแบคทีเรีย เช่น ซิฟิลิส, หนองใน, และคลามีเดีย ตามงานวิจัยในช่วง 3–4 ปีที่ผ่านมา
ดังนั้น Doxy PEP ไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อไวรัส HIV ได้ และไม่ควรใช้แทน PEP หรือ PrEP แต่สามารถใช้ร่วมกันได้ภายใต้คำแนะนำของแพทย์
คำแนะนำ: ก่อนเริ่มใช้ Doxy PEP ควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินความเหมาะสมและความเสี่ยงของแต่ละบุคคล
อ่านเพิ่มเติม: ยา PEP ราคาเท่าไหร่ วิธีใช้ ผลข้างเคียง
การใช้ Doxy PEP สามารถลดความเสี่ยงของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียบางชนิดได้ โดยมีผลการศึกษาทางการแพทย์ยืนยันดังนี้
อย่างไรก็ตาม Doxy PEP ไม่สามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่เกิดจากเชื้อไวรัส เช่น HIV, HPV, และเริม (HSV) ได้ จึงควรใช้ร่วมกับการป้องกันวิธีอื่น เช่น การใช้ถุงยางอนามัย, ยาต้านก่อนเสี่ยง (PrEP), และวัคซีน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกัน
Doxy PEP มีประสิทธิภาพเฉพาะในการลดความเสี่ยงการติดเชื้อแบคทีเรียบางชนิดเท่านั้น เช่น ซิฟิลิส หนองใน และคลามีเดีย แต่ ไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อไวรัส ได้ ไม่ว่าจะเป็น
ดังนั้น หากต้องการป้องกันทั้งโรคติดต่อจากแบคทีเรียและไวรัส ควรใช้ Doxy PEP ร่วมกับวิธีอื่นที่เหมาะสม เช่น ถุงยางอนามัย, PrEP, PEP, และวัคซีน
จากแนวทางของ CDC และงานวิจัยล่าสุด แนะนำให้ใช้ Doxy PEP ในกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงต่อการติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ โดยเฉพาะโรคที่เกิดจากแบคทีเรีย ได้แก่
สำหรับกลุ่มผู้หญิงที่มีเพศสัมพันธ์กับผู้ชาย (Cisgender Women) ปัจจุบันยังไม่มีหลักฐานวิจัยเพียงพอที่จะยืนยันประสิทธิภาพของ Doxy PEP จึงยังไม่แนะนำให้ใช้ในวงกว้าง
ปัจจุบันข้อมูลการวิจัยเกี่ยวกับการใช้ Doxy PEP ในผู้หญิงที่มีเพศสัมพันธ์กับผู้ชาย (Cisgender Women) ยังมีจำนวนจำกัด งานวิจัยส่วนใหญ่ที่ยืนยันประสิทธิภาพของ Doxy PEP มุ่งเน้นไปที่ กลุ่ม MSM และสตรีข้ามเพศ
จากรายงานบางการศึกษา พบว่าในผู้หญิง Doxy PEP อาจไม่ลดการติดเชื้อได้ชัดเจนเท่ากับกลุ่มอื่น อีกทั้งยังมีข้อกังวลด้าน การเปลี่ยนแปลงของจุลชีพในช่องคลอดและความเสี่ยงการดื้อยา ทำให้ ยังไม่ถูกแนะนำให้ใช้เป็นมาตรการทั่วไปในผู้หญิง
ดังนั้น หากเป็นผู้หญิงและต้องการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ควรใช้วิธีที่มีหลักฐานสนับสนุนชัดเจน เช่น การใช้ถุงยางอนามัยอย่างสม่ำเสมอ, การฉีดวัคซีน HPV, และการตรวจสุขภาพเป็นประจำ
การใช้ Doxy PEP ควรอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ โดยวิธีที่ใช้กันในการศึกษาคือ
คำแนะนำเพิ่มเติม: ควรรับประทานยาพร้อมอาหารหรือน้ำเต็มแก้ว และหลีกเลี่ยงการนอนราบทันทีหลังทาน เพื่อลดอาการระคายเคืองทางเดินอาหารและกรดไหลย้อน
แม้ว่า Doxy PEP จะช่วยลดโอกาสการติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์จากเชื้อแบคทีเรียได้ แต่ ไม่ควรใช้ทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์เสี่ยง เนื่องจากการใช้ยาปฏิชีวนะบ่อยเกินไปอาจนำไปสู่ปัญหา การดื้อยา (Antibiotic Resistance) และผลกระทบต่อสมดุลจุลชีพในร่างกาย
แนวทางของ CDC แนะนำว่า Doxy PEP เหมาะกับผู้ที่มีความเสี่ยงสูงหรือมีประวัติติดเชื้อบ่อยครั้ง โดยให้ใช้เฉพาะเมื่อมีความจำเป็นจริง ๆ ภายใต้การติดตามจากแพทย์เท่านั้น
ดังนั้น การใช้ Doxy PEP ไม่ควรถูกมองว่าเป็นทางเลือกแทนการป้องกันพื้นฐาน เช่น ถุงยางอนามัย, PrEP สำหรับ HIV, และการตรวจสุขภาพเป็นประจำ
การใช้ Doxy PEP โดยทั่วไปถือว่าทนต่อยาได้ดี แต่บางคนอาจพบ ผลข้างเคียงเล็กน้อยถึงปานกลาง ดังนี้
หากมีอาการรุนแรง เช่น ผื่นแพ้ หายใจลำบาก หรือท้องเสียต่อเนื่อง ควรหยุดใช้และรีบพบแพทย์ทันที
หนึ่งในข้อกังวลสำคัญของการใช้ Doxy PEP คือความเสี่ยงในการทำให้เชื้อแบคทีเรียเกิดการ ดื้อยาปฏิชีวนะ หากมีการใช้บ่อยหรือใช้โดยไม่จำเป็น เชื้อบางชนิด เช่น หนองในแท้ (Neisseria gonorrhoeae) มีแนวโน้มดื้อยามากขึ้นอยู่แล้ว จึงอาจทำให้ประสิทธิภาพของการรักษาในอนาคตลดลง
นอกจากนี้ การใช้ยาปฏิชีวนะซ้ำบ่อย ๆ อาจส่งผลต่อ จุลชีพในร่างกาย (microbiome) เช่น แบคทีเรียที่อยู่ในลำไส้หรืออวัยวะสืบพันธุ์ อาจเสียสมดุลและก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพอื่นได้
ดังนั้น องค์กรด้านสาธารณสุข เช่น CDC และ WHO จึงแนะนำให้ใช้ Doxy PEP เฉพาะในกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง และควรอยู่ในการดูแลของแพทย์ ไม่ควรใช้เองโดยไม่มีคำแนะนำที่เหมาะสม
เพื่อไม่ให้สับสน ควรทำความเข้าใจความแตกต่างของการใช้ยาแต่ละแบบดังนี้
การใช้ Doxy PEP สามารถทำร่วมกับการป้องกัน HIV ได้ หากอยู่ในกลุ่มที่มีความเสี่ยงทั้งต่อเชื้อแบคทีเรียและเชื้อไวรัส
อย่างไรก็ตาม การใช้ยาหลายชนิดพร้อมกันควรอยู่ภายใต้ การประเมินและการดูแลจากแพทย์ เพื่อป้องกันการใช้ยาที่ไม่เหมาะสมและลดความเสี่ยงจากผลข้างเคียง
งานวิจัยช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาแสดงให้เห็นว่า Doxy PEP สามารถลดการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์จากแบคทีเรียได้อย่างมีนัยสำคัญ โดยมีข้อมูลสำคัญดังนี้
อย่างไรก็ตาม นักวิชาการยังคงติดตามผลระยะยาว โดยเฉพาะเรื่อง การดื้อยาและผลกระทบต่อสมดุลจุลชีพในร่างกาย
ในประเทศไทย การใช้ Doxy PEP ยังไม่ได้ถูกบรรจุเป็นแนวทางการรักษามาตรฐานอย่างเป็นทางการเหมือนในบางประเทศ แต่สามารถใช้ได้หากอยู่ภายใต้ การสั่งและดูแลของแพทย์
หากสนใจใช้ Doxy PEP ควรนัดหมายเพื่อ ปรึกษาแพทย์ในคลินิกหรือโรงพยาบาล เพื่อความปลอดภัยและการใช้ยาที่ถูกต้อง
ที่ Safe Clinic การใช้ Doxy PEP จะมีค่าใช้จ่ายที่ประกอบด้วย ค่าปรึกษาแพทย์และค่ายา โดยราคาล่าสุด (อัปเดต 2025)
หากใช้ในรูปแบบ Doxy PEP (200 มก. หลังเสี่ยงภายใน 72 ชั่วโมง) ค่าใช้จ่ายโดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ ไม่กี่ร้อยบาทบวกค่าปรึกษาแพทย์ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการประเมินและคำสั่งของแพทย์ในแต่ละเคส
สำหรับความถูกต้องและการใช้ยาที่เหมาะสม แนะนำให้ ปรึกษาแพทย์โดยตรงที่ Safe Clinic ทุกครั้งก่อนเริ่มใช้ Doxy PEP
Doxy PEP เป็นทางเลือกใหม่ในการลดความเสี่ยงจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย เช่น ซิฟิลิส คลามีเดีย และหนองใน โดยแนะนำให้ใช้ในกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง และต้องทาน ภายใน 24–72 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ที่มีความเสี่ยง
อย่างไรก็ตาม Doxy PEP ไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อไวรัส เช่น HIV, HPV หรือเริม ได้ จึงควรใช้ร่วมกับการป้องกันอื่น ได้แก่
คำแนะนำสำคัญ: Doxy PEP ควรใช้ภายใต้การดูแลของแพทย์เท่านั้น เพื่อให้เหมาะสมกับความเสี่ยงของแต่ละบุคคล และลดปัญหาการดื้อยาปฏิชีวนะในอนาคต
หากต้องการนัดหมายเข้ารับบริการหรือต้องการปรึกษาเพิ่มเติม
สามารถจองคิวผ่านเว็บไซต์ หรือ Inbox ทางช่องทาง Social Media ต่างๆ ได้ด้านล่างนี้