ไวรัสตับอักเสบคืออะไร?
ทำความเข้าใจ “ตับอักเสบ” คืออะไร และไวรัสตับอักเสบต่างจากตับอักเสบทั่วไปอย่างไร?
ไวรัสตับอักเสบ (Viral hepatitis) คือ ภาวะที่ตับอักเสบ เกิดจากการติดเชื้อไวรัส มี 5 ชนิดหลักคือ A, B, C, D และ E
ภาวะตับอักเสบอาจเป็นแบบ เฉียบพลัน ซึ่งอาการอาจหายได้ ภายใน 6 เดือน หรือพัฒนาเป็นแบบ เรื้อรัง เมื่ออาการยาวนานเกิน 6 เดือน
นอกจากไวรัสแล้ว ยังมีสาเหตุอื่น เช่น แอลกอฮอล์ ยาบางชนิด สารพิษ หรือภูมิคุ้มกันบกพร่อง
สิ่งที่สำคัญคือ หากภาวะอักเสบรุนแรงขึ้น อาจส่งผลให้เกิด พังผืดในตับ (Fibrosis) ➝ ตับแข็ง (Cirrhosis) ➝ และ มะเร็งตับ (Hepatocellular carcinoma) ได้
ไวรัสตับอักเสบมีกี่สายพันธุ์? แตกต่างกันอย่างไร?
ทำความรู้จักกับไวรัสตับอักเสบ A–E พร้อมเปรียบเทียบช่องทางการติดเชื้อ ความรุนแรง และวิธีป้องกันเฉพาะแต่ละชนิด
สายพันธุ์ |
ช่องทางการติดเชื้อ |
ลักษณะการติดเชื้อ |
รักษาได้เองหรือเรื้อรัง |
ประเภทอันตราย |
---|
A |
ทางอุจจาระ-ปาก เช่น อาหาร น้ำดื่ม (fecal‑oral) |
ส่วนใหญ่เป็นแบบเฉียบพลัน |
หายเอง มักไม่เรื้อรัง |
อัตราตายต่ำ ยกเว้นในหญิงตั้งครรภ์ |
B |
ผ่านเลือด น้ำอสุจิ น้ำหลั่ง เช่น เพศสัมพันธ์ การใช้เข็มฉีดยาร่วม |
ทั้งเฉียบพลันและเรื้อรัง |
ผู้ใหญ่ > 95% หายเอง แต่เด็กทารกมีโอกาสเรื้อรังสูง (~90%) |
ร้ายแรง – เสี่ยงตับแข็ง มะเร็งตับ |
C |
ผ่านเลือด เช่น ใช้เข็มฉีดยาร่วม เลือดสู่เลือด |
มักเป็นแบบเรื้อรัง (ประมาณ 75–85%) |
มีวิธีรักษาหาย (antivirals) |
เสี่ยงตับแข็ง มะเร็งตับ |
D |
ต้องติด B ก่อน จึงแพร่เชื้อได้ ทางเลือดและเพศสัมพันธ์ |
เรื้อรัง มักซ้ำในผู้มี HBV |
รักษายาก ต้องใช้ interferon หรือ thuốcเฉพาะ |
รุนแรงที่สุด ถ้าติดร่วมกับ B |
E |
เหมือน A คือ ทางอุจจาระ-ปาก ผ่านน้ำเนื้อสัตว์ เนื้อดิบ |
ส่วนใหญ่เฉียบพลัน แต่บางกรณีเรื้อรังในคนภูมิคุ้มกันต่ำ |
มีรายงานหายเอง แต่บางคนอาจเป็นเรื้อรังได้ |
อันตรายในหญิงตั้งครรภ์ |
ไวรัสตับอักเสบชนิดเฉียบพลัน vs เรื้อรัง ต่างกันอย่างไร?
ทำความเข้าใจความแตกต่างระหว่าง “เฉียบพลัน” และ “เรื้อรัง” เพื่อประเมินความเสี่ยงและวางแผนรักษาให้เหมาะสม
ความหมายและระยะเวลา
- เฉียบพลัน (Acute Hepatitis):
- คือภาวะที่มีอาการอักเสบของตับอย่างฉับพลัน
- ระยะเวลาไม่เกิน 6 เดือน
- ส่วนใหญ่หายได้เองเมื่อได้รับการดูแลที่เหมาะสม เช่น พักผ่อน ดื่มน้ำเพียงพอ และหลีกเลี่ยงสารพิษต่อร่างกาย
- เรื้อรัง (Chronic Hepatitis):
- หมายถึงอาการอักเสบที่ยังดำเนินอยู่นานกว่า 6 เดือนขึ้นไป
- เกิดได้กับไวรัสสายพันธุ์ B, C และ D
- หากไม่รักษาอย่างเหมาะสม อาจพัฒนาเป็นพังผืดในตับ (fibrosis), ตับแข็ง (cirrhosis) หรือมะเร็งตับได้
อาการแตกต่างระหว่างเฉียบพลันกับเรื้อรัง
ประเภท |
อาการเด่น |
ระยะเวลาของอาการ |
ความรุนแรงระยะยาว |
---|
เฉียบพลัน (Acute) |
เหนื่อย, คลื่นไส้, ดีซ่าน (ในบางกรณี) |
ไม่เกิน 6 เดือน |
มักหายได้เอง ถ้าไม่มีภาวะแทรกซ้อน |
เรื้อรัง (Chronic) |
อ่อนเพลียเรื้อรัง, ไม่มีอาการชัดเจน |
เกิน 6 เดือน |
เสี่ยงพังผืด ตับแข็ง มะเร็งตับสูง |
ทำไมจึงสำคัญที่ต้องแยกระหว่างเฉียบพลันกับเรื้อรัง?
- การวินิจฉัยและการติดตามผล: การอักเสบเรื้อรังอาจไม่แสดงอาการชัดเจน จำเป็นต้องตรวจเลือดและตรวจอัลตราซาวนด์อย่างสม่ำเสมอ
- การรักษาที่เหมาะสม:
- เฉียบพลันอาจควรให้การดูแลที่บ้าน
- สำหรับเรื้อรัง แพทย์อาจสั่งยาต้านไวรัส ตรวจพังผืดในตับ และปรับพฤติกรรมสุขภาพ
- การป้องกันภาวะแทรกซ้อน: รักษาเรื้อรังอย่างทันท่วงทีช่วยลดความเสี่ยงพังผืด ตับแข็ง และมะเร็ง
ไวรัสตับอักเสบแต่ละชนิดติดจากอะไรได้บ้าง?
- ทางหลัก: รับเชื้อผ่านทางอุจจาระ-ปาก (fecal–oral) เช่น น้ำหรืออาหารปนเปื้อน หากผู้ป่วยไม่ได้ล้างมือก่อนจับอาหาร
- ทางรอง: มีรายงานการติดเชื้อในกรณี oral–anal contact (เพศสัมพันธ์บางลักษณะ)
- ข้อสรุป: ยังไงก็หลีกเลี่ยงอาหารไม่สะอาดและล้างมือทุกครั้งก่อนรับประทานอาหาร
- ผ่านเลือดและสารคัดหลั่ง: เช่น เพศสัมพันธ์โดยไม่มีถุงยาง การใช้เข็มฉีดร่วม โลหิตจากแม่สู่ทารก
- แบ่งรายละเอียดย่อย:
- คลอดจากแม่สู่ลูก (vertical transmission)
- บาดแผลที่ผิวหนังโดยการใช้เข็มใช้แล้ว
- ใช้สิ่งของมีคราบเลือด เช่น มีดโกน แปรงสีฟันร่วมกัน
- ข้อสรุป: หลีกเลี่ยงสัมผัสสารคัดหลั่ง ไม่มีเพศสัมพันธ์ปลอดภัย และฉีดวัคซีนเป็นหลัก
- หลักผ่านเลือด (blood-to-blood):
- ใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน
- การสักหรือเจาะที่ไม่สะอาด
- ตรวจเลือดโดยไม่มีการกรองในอดีต
- ทางรอง: ทางเพศสัมพันธ์เกิดขึ้นได้ แต่โอกาสน้อย (สูงใน MSM หรือมีแผลในช่องคลอด)
- ข้อสรุป: หลีกเลี่ยงการใช้เข็มร่วม เก็บของมีคมให้สะอาด
Hepatitis D (HDV)
- “ต้องมี B ก่อน” หมายความว่าไม่สามารถติด HDV ได้หากไม่มี HBV
- ช่องทางการแพร่: เหมือน HBV คือ ผ่านเลือด/เพศสัมพันธ์/จากแม่สู่ลูก
- ข้อสรุป: การป้องกัน HDV ต้องเริ่มจากป้องกัน HBV
Hepatitis E (HEV)
- หลัก: fecal–oral เช่นเดียวกับ HAV และพบในน้ำเนื้อสัตว์ที่ไม่สุก เช่น หมู เนื้อกวาง
- ทางเลือด/แนวตั้ง: พบได้น้อยในผู้มีภูมิคุ้มกันบกพร่องหรือหญิงตั้งครรภ์
- ข้อสรุป: หลีกเลี่ยงอาหารเนื้อดิบและล้างมือก่อนประกอบอาหาร
ตารางสรุปช่องทางการติดเชื้อ
สายพันธุ์ |
ช่องทางหลัก |
ช่องทางรอง |
คำแนะนำป้องกัน |
---|
A |
อาหาร/น้ำปนเปื้อน |
oral sex, anal sex |
ล้างมือ ปรุงอาหารให้สุก |
B |
เลือด, เพศสัมพันธ์, แม่→ลูก |
ของใช้ส่วนตัว |
ฉีดวัคซีน หลีกเลี่ยงสารคัดหลั่ง |
C |
เลือด (เข็ม ใช้ร่วม) |
sex with blood |
หลีกเลี่ยงแชร์เข็ม/อุปกรณ์เจาะ |
D |
เหมือน B (HBV ร่วม) |
— |
รักษา HBV ให้ใช้งาน |
E |
อาหาร/น้ำปนเปื้อน, เนื้อสัตว์ |
ทางเลือด (บางกรณี) |
ใช้น้ำสะอาด ปรุงอาหารดี |
ไวรัสตับอักเสบสายพันธุ์ไหนอันตรายที่สุด?
วิเคราะห์เปรียบเทียบไวรัส A–E สายพันธุ์ใดเสี่ยงตับแข็ง มะเร็งตับ และภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงที่สุด
สายพันธุ์ |
โอกาสเรื้อรัง |
เสี่ยงตับแข็ง/มะเร็ง |
กลุ่มเสี่ยงพิเศษ |
ระดับความอันตราย |
---|
A |
❌ ไม่มีเรื้อรัง |
❌ ไม่ก่อมะเร็ง |
หญิงตั้งครรภ์ (เสี่ยงตับวายเฉียบพลัน) |
🔹 ต่ำ |
B |
✅ เรื้อรังได้ (5–10% ในผู้ใหญ่, 90% ในทารก) |
✅ เสี่ยงตับแข็ง มะเร็งตับ |
เด็กที่ติดเชื้อจากแม่, ผู้ไม่ได้ฉีดวัคซีน |
🔺 สูง |
C |
✅ เรื้อรังสูง (70–85%) |
✅ เสี่ยงตับแข็ง มะเร็งตับ |
ผู้ใช้ยาเสพติด, ผู้มีเพศสัมพันธ์เสี่ยง |
🔺 สูง |
D |
✅ รุนแรงมากเมื่อร่วมกับ B |
✅ เสี่ยงสูงกว่าการติด B เดี่ยวๆ |
ผู้ติดเชื้อ HBV |
🔴 สูงสุด |
E |
❌ ไม่เรื้อรัง (ยกเว้นในผู้มีภูมิคุ้มกันต่ำ) |
❌ ไม่ก่อมะเร็งโดยตรง |
หญิงตั้งครรภ์ |
🔸 ปานกลาง-ต่ำ |
สรุป:
- HBV (B) และ HCV (C) เป็นไวรัสที่พบบ่อยและรุนแรงที่สุดในไทย เพราะสามารถเรื้อรังและก่อให้เกิดมะเร็งตับได้
- HDV (D) รุนแรงที่สุดในเชิงอาการ แต่อุบัติการณ์ต่ำมาก เพราะต้องมี HBV ร่วมด้วย
- HAV และ HEV มักไม่เรื้อรัง แต่ HEV อาจรุนแรงในหญิงตั้งครรภ์
ตรวจวินิจฉัยไวรัสตับอักเสบต้องทำอย่างไร?
ขั้นตอนตรวจวินิจฉัย เพื่อแยกชนิด ติดเชื้อเฉียบพลันหรือเรื้อรัง และประเมินความรุนแรงของตับ
ขั้นตอนเบื้องต้น (Initial Evaluation)
- ซักประวัติ & ตรวจร่างกาย
- สอบถามประวัติเสี่ยง เช่น การใช้เข็มร่วม เพศสัมพันธ์ไม่ปลอดภัย การรับเลือด
- ตรวจดูอาการทั่วไป เช่น ดีซ่าน ตาเหลือง ตับโต เจ็บชายโครงขวา
- ตรวจระดับเอนไซม์ตับ (LFTs)
- ดู AST, ALT, ALP, bilirubin
- ในไวรัสตับอักเสบเฉียบพลัน AST/ALT จะสูงกว่าปกติมาก
ตรวจเฉพาะทางตามสายพันธุ์
สายพันธุ์ |
ช่วงเฉียบพลัน |
ช่วงเรื้อรัง/ภูมิคุ้มกัน |
---|
A |
ตรวจ IgM anti‑HAV — ตรวจในผู้สงสัยอาการเฉียบพลัน |
IgG ant‑HAV ตรวจหาร่างกายเคยติดหรือเคยฉีดวัคซีน |
B |
ตรวจ HBsAg (หากเป็นบวก <6 เดือน = เฉียบพลัน), IgM anti‑HBc เพื่อยืนยันช่วงเฉียบพลัน |
ตรวจ HBsAg, anti‑HBs, anti‑HBc, อาจตรวจ HBeAg, HBV DNA เพื่อติดตาม viral load |
C |
ตรวจ anti‑HCV เข็มแรก, หากบวกให้ยืนยันด้วย HCV RNA (PCR) |
HCV RNA ใช้ประเมินปริมาณไวรัสและติดตามผลการรักษ |
D |
ตรวจหาร anti‑HDV (IgM/IgG) เมื่อ HBsAg เป็นบวก |
HDV RNA มีใช้แต่ไม่ทั่วไป |
E |
ตรวจ IgM anti‑HEV ในผู้สงสัยติดเชื้อเฉียบพลัน (เช่น มีไข้ ตัวเหลือง จับสังกะตาย) |
HEV RNA ใช้ในห้องแล็บเฉพาะ |
การประเมินเพิ่มเติม
- ฟังก์ชันตับ: ดู AST/ALT, albumin, PT, bilirubin เพื่อประเมินระดับความเสียหาย
- ประเมินพังผืด/ตับแข็ง: ใช้ ultrasound, elastography (FibroScan), หรือตรวจค่าดัชนีเส้นพังผืด (APRI, FIB-4)
ไวรัสตับอักเสบแต่ละชนิดรักษาอย่างไร?
ตรวจวินิจฉัยแล้ว แพทย์แต่ละสายพันธุ์เขาให้ยารักษาอะไรบ้าง? พร้อมแนะแนวทางการดูแลแบบครบวงจร
สายพันธุ์ |
ยารักษาหลัก |
ระยะรักษา |
แนวทางเสริม |
---|
A |
พักผ่อน, ดื่มน้ำ, เพิ่มพลังงาน (ไม่มี antiviral) |
4–8 สัปดาห์ |
หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์ ยาตับพิษ |
B |
ยาต้านไวรัส เช่น Tenofovir หรือ Entecavir |
เรื้อรังหรือไวรัสโหลดสูง (6 เดือนขึ้นไป) |
ตรวจเลือดทุก 3–6 เดือน, อัลตราซาวนด์ตับปีละครั้ง |
C |
Direct-acting antivirals (DAAs): Sofosbuvir + Ledipasvir หรือ Glecaprevir + Pibrentasvir |
8–12 สัปดาห์ |
ตรวจ viral load, ตับฟังก์ชัน เสริมวิตามินบี |
D |
สำหรับผู้ร่วมติด B: ใช้ Interferon pegylated หรือเพิ่มยา antiviral ของ B |
ร่วมกับ B 6 เดือน–1 ปี |
ตรวจ HDV RNA, เลี่ยงสารพิษ, ติดตามตับ |
E |
เช่น HAV, เน้น supportive care |
4–6 สัปดาห์ |
หลีกเลี่ยงอาหารดิบ, ดื่มน้ำสะอาด |
ไวรัสตับอักเสบรักษาหายไหม? เรื้อรังได้หรือไม่?
สายพันธุ์ |
หายขาดได้ไหม? |
โอกาสกลายเป็นเรื้อรัง |
หมายเหตุ |
---|
A |
✅ ได้ 100% (ส่วนใหญ่) |
❌ ไม่มีเรื้อรัง |
ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันถาวร |
B |
✅ ผู้ใหญ่หายเอง 90–95% |
✅ ประมาณ 5–10%; ทารก ~90% |
ผู้ใหญ่หายเองได้ แต่ต้องติดตาม |
C |
❌ เกือบทั้งหมดกลายเป็นเรื้อรัง (70–85%) |
✅ สูง |
ต้องใช้ยา DAAs ยืดเวลา |
D |
✅/❌ หายได้ถ้ารักษาพร้อม HBV |
✅ สูงมาก (40–90%) ถ้าไม่รักษา |
การควบคู่ HBV สำคัญ |
E |
✅ ได้ในคนทั่วไป |
❌ หายเอง ส่วนภูมิคุ้มกันต่ำอาจเรื้อรัง |
มีภูมิคุ้มกันต่อในระยะยาว |
สรุป:
- ไวรัส A และ E: ส่วนใหญ่หายเอง ไม่เรื้อรัง
- ไวรัส B: ผู้ใหญ่หายเองได้ แต่เด็กทารกเสี่ยงเรื้อรังสูง
- ไวรัส C และ D: เป็นตามเกือบทุกคนหากไม่ได้รับการรักษาที่เหมาะสม
ไวรัสตับอักเสบทำให้เป็นตับแข็ง/มะเร็งตับได้จริงหรือไม่?
สายพันธุ์ |
พังผืดในตับ (Fibrosis) |
ตับแข็ง (Cirrhosis) |
มะเร็งตับ (HCC) |
ข้อมุล/อ้างอิง |
---|
A |
❌ ไม่ก่อภาวะเรื้อรัง |
❌ ไม่มี |
❌ ไม่มี |
พบน้อยมาก, ไม่มีรายงานในคนปกติ |
B |
✅ 20–30% ของผู้ติดเชื้อเรื้อรัง |
✅ มีโอกาสในระยะยาว |
✅ หุ้นส่วนสำคัญในการเกิด HCC |
CDC, WHO |
C |
✅ สูง และรวดเร็ว |
✅ ผู้ติดเชื้อเรื้อรัง 20–30% |
✅ เสี่ยงสูง 1–3%/ปีในผู้มีซื้อ Fibrosis |
WHO, PubMed |
D |
✅ เร็วและรุนแรงเมื่อร่วมกับ B |
✅ เกิดได้เร็วกว่า B เดี่ยว |
✅ ความเสี่ยงเพิ่ม 2‑3 เท่า |
Studies on HBV/HDV coinfection |
E |
❌ ไม่มีในคนทั่วไป |
❌ ไม่มี |
❌ ไม่มี |
ยกเว้นภูมิคุ้มกันต่ำ |
สรุปสำคัญ:
- B, C, D เป็นกลุ่มเสี่ยงสูงในการเกิดตับแข็งและมะเร็งตับ
- C เป็นสาเหตุอันดับต้นๆ ของ HCC ในไทย
- D ร่วมกับ B มีความรุนแรงเหนือกว่า B เพียงลำพัง
- A และ E ไม่ก่อภาวะดังกล่าวในคนทั่วไป
ป้องกันไวรัสตับอักเสบอย่างไร?
แนวทางป้องกันทั่วไปสำหรับทุกสายพันธุ์
- ล้างมือให้สะอาด ทั้งก่อนกินอาหาร และหลังเข้าห้องน้ำ (สำคัญมากสำหรับ A และ E)
- หลีกเลี่ยงการใช้ของร่วม เช่น เข็มฉีดยา มีดโกน แปรงสีฟัน ถุงยางอนามัยควรใช้ใหม่ทุกครั้ง
- รับประทานอาหารสุกสะอาด หลีกเลี่ยงเนื้อสัตว์ที่น่าสงสัย ปรุงให้สุกทั่วถึง
- หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์และยาที่ทำลายตับ เพื่อรักษาสภาพตับไว้เป็นแนวแรก
แนะแนวป้องกันเฉพาะสายพันธุ์
สายพันธุ์ |
การป้องกันเฉพาะ |
A & E |
ดื่มน้ำสะอาด และปรุงอาหาร/ล้างผลไม้ ผักสุกเสมอ |
B & C |
ใช้ถุงยางทุกครั้ง, ไม่ใช้เข็มร่วม, เลี่ยงใช้ของมีเลือดติด |
D |
ต้องป้องกัน B ให้ได้ก่อน จึงลดความเสี่ยงของ D |
E |
หลีกเลี่ยงเนื้อสัตว์ดิบ โดยเฉพาะหมูลงควาย และเนื้อจากสัตว์ป่า |
วัคซีนที่ช่วยป้องกันได้
- วัคซีน HAV (2 โดส ป้องกันไวรัส A)
- วัคซีน HBV (3 โดส ป้องกันไวรัส B, ลดโอกาส HDV ด้วย)
- ยังไม่มีวัคซีนสำหรับไวรัส C, D, E — ดังนั้นการป้องกันจากพฤติกรรมจึงสำคัญ
ต้องฉีดวัคซีนไวรัสตับอักเสบไหม? ฉีดเมื่อไหร่?
คำแนะนำเกี่ยวกับวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบ A และ B พร้อมกำหนดการฉีดและกลุ่มเสี่ยงที่ควรได้รับ
วัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบ
สายพันธุ์ |
วัคซีน |
กำหนดการฉีด |
ใครควรได้รับ? |
A |
HAV vaccine |
2 โดส — ฉีดครั้งแรก ตามด้วยครั้งที่สอง ห่าง 6–12 เดือน |
เด็ก, นักเดินทาง, ผู้มีพฤติกรรมเสี่ยง เช่น MSM |
B |
HBV vaccine |
3 โดส — ครั้งที่ 0, 1 เดือน และ 6 เดือนหลังโดสแรก |
ทารกแรกเกิด* ผู้ใหญ่ที่ยังไม่มีภูมิ, กลุ่มเสี่ยงสูง |
D |
— ไม่มีวัคซีนโดยตรง (ป้องกันผ่าน HBV) |
— |
ผู้ที่มี HBsAg บวกควรใส่ใจ |
* ในประเทศไทย ได้รวมวัคซีน HBV ในส่วนประสมวัคซีนเด็กแรกเกิด (EPI) แต่แนะนำให้ฉีดกระตุ้นในวัยรุ่น/ผู้ใหญ่ที่เสี่ยงครบเช่นกลุ่มทำงานบริการ
ติดไวรัสตับอักเสบแล้วต้องดูแลตัวเองอย่างไร?
การดูแลพื้นฐาน
- พักผ่อนให้เพียงพอ – พยายามนอนอย่างน้อย 7–8 ชั่วโมงต่อคืน
- ดื่มน้ำและโภชนาการที่ดี – เน้นผัก ผลไม้ และอาหารย่อยง่าย
- หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์ และยาที่ทำให้ตับทำงานหนัก (เช่น พาราเซตามอล หากไม่ใช่ภายใต้คำแนะนำแพทย์)
- ออกกำลังกายเบาๆ เช่น เดินหรือโยคะ เพื่อกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน
แนะแนวสำหรับแต่ละสายพันธุ์
สายพันธุ์ |
แนวทางดูแล |
A & E |
พักผ่อนและโภชนาการเท่านั้นโดยปกติ ประเมินอาการสัปดาห์ละครั้ง |
B, C, D |
ติดตามการรักษา แนะนำตรวจเลือดทุก 3–6 เดือน, ตรวจอัลตราซาวนด์ปีละครั้ง, ควบคุมน้ำหนัก, หลีกเลี่ยงอาหารมัน |
ควรรีบพบแพทย์เมื่อใด?
หากมีอาการต่อไปนี้ ควรรีบพบแพทย์ทันที:
- เหลืองจัด ตาเหลืองลึก (deep jaundice) มักบ่งชี้ตับทำงานผิดปกติมาก
- ปวดท้องมากบริเวณชายโครงขวา ร่วมกับอาการดีซ่าน
- อาเจียนคลื่นไส้รุนแรง โดยเฉพาะถ่ายเป็นเลือดหรือถ่ายดำ
- ปัสสาวะสีเข้มมาก (dark urine) สะท้อนการอักเสบอย่างหนัก
- อ่อนเพลียผิดปกติ + อาเจียน + เบื่ออาหารหลายวัน
- มีลักษณะเลือดออกง่าย เช่น เลือดออกตามไรฟัน เลือดกำเดาไหล
- ง่วงโคม่า ซึมลงเร็ว หรือสับสน สัญญาณของตับวายเฉียบพลัน
- หญิงตั้งครรภ์มีน้ำคร่ำเจ็บท้อง อาจมีตับวายเฉียบพลัน
คำถามพบบ่อยเกี่ยวกับไวรัสตับอักเสบ
Q1: “จูบกันติดไวรัสตับอักเสบไหม?”
- ✔️ B และ C มีโอกาสติดจากน้ำลายต่ำ — ต้องมีเลือดหรือแผลในปากจึงเสี่ยงมากขึ้น
- ❌ A, E และ D ไม่ติดผ่านการจูบ
Q2: “ตรวจเลือดเจอ anti‑HBc บวก หมายความว่าอะไร?”
- แสดงว่าคุณเคยได้รับเชื้อ HBV มาก่อน และอาจมีภูมิคุ้มกันหรือเป็นพาหะ
- แนะนำตรวจ HBsAg, anti‑HBs, HBV DNA เพื่อประเมินสถานะ
Q3: “ท้องแล้วติดไวรัสตับอักเสบ เสี่ยงลูกในครรภ์ไหม?”
- B & D: มีแนวโน้มแพร่จากแม่สู่ลูกในช่วงคลอด—แนะนำฉีด HBIG + HBV vaccine ภายใน 12 ชั่วโมงหลังคลอด
- A, C, E: โอกาสติดจากแม่→ลูกต่ำมาก หรือแทบไม่มี
Q4: “กินเหล้าได้หรือไม่ หากตรวจพบตับอักเสบ?”
- งดเหล้าเด็ดขาด ในช่วงเป็นไข้-อักเสบ เพราะแอลกอฮอล์เพิ่มภาระตับและอาจกระตุ้นพังผืด
Q5: “หากตรวจพบ HCV RNA ลบ หมายถึงหาย?”
- ใช่ หากผล SVR (sustained virologic response) ≥ 12 สัปดาห์หลังรักษา แสดงว่าหายขาดจากไวรัสซีแล้ว
Q6: “เป็น HBV แล้วต้องกินยาตลอดไปไหม?”
- ไม่เสมอ—หาก viral load ต่ำ ร่างกายควบคุมเองได้ แพทย์อาจให้ยาตามช่วงเวลา
- แต่หากมีการอักเสบเรื้อรังหรือ viral load สูง แนะนำให้รับยาต้านไวรัสตามอายุการติดเชื้อและดุลพินิจแพทย์
Q7: “ฉีดวัคซีนมาแล้ว ยังต้องตรวจเช็คหรือไม่?”
- ควรตรวจ anti‑HBs 1–2 เดือนหลังฉีดโดสสุดท้าย เพื่อยืนยันว่ามีระดับภูมิคุ้มกัน ≥ 10 IU/L
- หากต่ำกว่าควรฉีด booster อีก 1 โดส
Q8: “ติดไวรัสตับอักเสบแล้ว ไปบริจาคเลือดได้ไหม?”
- ไม่สามารถบริจาคเลือดได้ ในระยะที่มีการติดเชื้อ หรือแม้จะหายแล้วก็ตาม จะมีข้อจำกัดและคำแนะนำของธนาคารเลือดต้องปฏิบัติตาม
Q9: “กินยาแก้ปวดได้นานไหมถ้าเป็น HCV?”
- เลี่ยงยาแก้ปวดที่มีผลต่อฟังก์ชันตับ เช่น พาราเซตามอลในปริมาณสูง
- แนะนำปรึกษาแพทย์/เภสัชกร และเลือกใช้ยาอย่างระมัดระวัง
Q10: “เรื้อรังแล้ว สามารถมีลูกได้หรือไม่?”
- B และ C: สามารถมีภาวะครรภ์ได้ แต่ควรประเมินโดยแพทย์ ตรวจ viral load บริเวณครรภ์ และอาจเริ่ม/ปรับยา antiviral ตามคำแนะนำ
- ควรปรึกษาหมอก่อนตั้งครรภ์ทุกครั้ง
สรุปไวรัสตับอักเสบ A–E แบบเข้าใจใน 1 นาที
ตารางสรุปกระชับ ครบทุกข้อมูลที่ควรรู้เกี่ยวกับไวรัสตับอักเสบแต่ละชนิด
สายพันธุ์ |
ช่องทางหลอด |
เรื้อรัง |
ตับแข็ง/มะเร็ง |
วิธีป้องกัน |
วัคซีน |
A |
อาหาร–น้ำปนเปื้อน |
❌ |
❌ |
ล้างมือ, สะอาด |
✔️ HAV |
B |
เลือด, เพศ, จากแม่ |
✅ |
✅ |
ปลอดภัย, ไม่ใช้เข็มร่วม |
✔️ HBV |
C |
เลือด (เข็มร่วม) |
✅ |
✅ |
ไม่ใช้เข็มร่วม |
❌ |
D |
เหมือน B (ต้องมี HBV) |
✅ |
✅ |
ป้องกัน B |
❌ |
E |
อาหารดิบ–น้ำไม่สะอาด |
❌ |
❌ |
ปรุงสุก ห้ามดิบ |
❌ |