Let’s play safe
Call Today : 083-534-4555, 02-006-8887
Room 314 , 246 Sukhumvit Rd, Khwaeng Khlong Toei, Bangkok
Open Hours
Open every day . 12:00 pm - 09:00 pm (Last Case 08.30 pm)

Antigen Test คืออะไร? ตรวจโรค STD ได้กี่โรค ไม่เจ็บ รู้ผลในคลินิกทันที

เมื่อพูดถึงการตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (STD) หลายคนอาจนึกถึงการตรวจเลือดแบบเดิม ๆ ที่ต้องรอผลนาน แต่ปัจจุบันเทคโนโลยีการตรวจด้วย Antigen Test เข้ามาช่วยให้การวินิจฉัยโรคทำได้ เร็วขึ้น ง่ายขึ้น และไม่เจ็บ อย่างที่คิด

บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับ “Antigen Test” อย่างครบถ้วน ตั้งแต่ คืออะไร? ตรวจโรคอะไรได้บ้าง? เจ็บไหม? ต้องเตรียมตัวยังไง? ต่างจาก Antibody Test ยังไง? ราคาแพงไหม? ควรตรวจเมื่อไหร่? เพื่อให้คุณสามารถตัดสินใจได้อย่างมั่นใจ และหากจำเป็น ก็สามารถเข้ารับบริการได้อย่างปลอดภัยและเป็นส่วนตัว

เลือกหัวข้อที่ต้องการอ่าน แสดง

Antigen Test คืออะไร?

Antigen Test คือการตรวจหา “แอนติเจน” หรือสารที่อยู่บนพื้นผิวของเชื้อโรค เช่น ไวรัสหรือแบคทีเรีย ซึ่งร่างกายเราจะตอบสนองต่อการติดเชื้อด้วยระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย

การตรวจชนิดนี้ถูกออกแบบมาให้ “รู้ผลเร็ว” ภายใน 15–30 นาที โดยไม่ต้องรอส่งตรวจเข้าแล็บ จึงเหมาะกับการใช้งานในสถานการณ์ที่ต้องการผลด่วน เช่น ตรวจเชื้อเบื้องต้นในผู้มีความเสี่ยงโรคติดต่อ หรือใช้คัดกรองผู้ที่ไม่มีอาการแต่มีความเสี่ยงเกิดขึ้น

แม้จะไม่ได้ให้ผลแม่นยำเท่าการตรวจด้วย PCR หรือแอนติบอดีในบางกรณี แต่ข้อดีของ Antigen Test คือความสะดวก รวดเร็ว และสามารถช่วยคัดกรองผู้ติดเชื้อในระยะเริ่มต้นให้เข้ารับการตรวจและเข้าสู่กระบวนการรักษาได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งช่วยจำกัดการแพร่เชื้อต่อในประชากรได้

หมายเหตุ: Antigen Test ใช้ใน “การตรวจคัดกรองเบื้องต้น” เท่านั้น หากผลเป็นบวกหรือมีอาการแต่ผลลบ แพทย์อาจแนะนำให้ตรวจซ้ำในระยะเวลาที่เหมาะสมหรือยืนยันด้วยวิธีการตรวจอื่นๆเพิ่มเติม

Antigen Test ใช้ตรวจโรค STD อะไรได้บ้าง?

การตรวจ Antigen Test สำหรับโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (STD) ใช้ตรวจหา “แอนติเจน” ของเชื้อก่อโรคโดยตรงจากตัวอย่างสารคัดหลั่งหรือเลือด ขึ้นอยู่กับชนิดของเชื้อและเทคโนโลยีของชุดตรวจ

ตัวอย่างโรค STD ที่สามารถใช้ Antigen Test ตรวจได้

  • HIV (Human Immunodeficiency Virus) บางชุดตรวจสามารถตรวจ “p24 antigen” ซึ่งปรากฏในระยะเฉียบพลันก่อนที่ร่างกายจะสร้างแอนติบอดี
  • ไวรัสตับอักเสบบี (HBV) สามารถตรวจ HBsAg ซึ่งเป็นส่วนประกอบของเชื้อที่บ่งบอกสถานะของการมีการติดเชื้อ

อย่างไรก็ตาม Antigen Test ไม่สามารถตรวจทุกโรคติดต่อได้ เช่น เริม (Herpes) หรือ HPV มักต้องใช้การตรวจด้วย PCR หรือ Antibody Test แทน

ข้อควรรู้: Antigen Test ส่วนใหญ่ใช้เพื่อ “การคัดกรองเบื้องต้น” ผลที่ได้อาจต้องยืนยันซ้ำด้วยวิธีอื่นในกรณีที่มีความเสี่ยงสูงหรือมีอาการ

Antigen Test เหมาะกับใคร? ควรตรวจเมื่อไหร่?

Antigen Test เหมาะสำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงต่อโรคติดต่อ แต่ต้องการผลตรวจเบื้องต้นอย่างรวดเร็ว โดยไม่ต้องรอผลจากห้องปฏิบัติการ เหมาะกับทั้งผู้ที่มีอาการและไม่มีอาการ

เหมาะกับใครบ้าง?

  • ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน โดยเฉพาะกับคู่นอนใหม่
  • กลุ่มเพศทางเลือก (LGBTQ+) ที่ต้องการตรวจเชิงรุก
  • ผู้ที่สงสัยว่าตนเองอาจมีความเสี่ยงจากอาการ เช่น แสบขณะปัสสาวะ, ตกขาวผิดปกติ, มีผื่นที่อวัยวะเพศ
  • บุคคลที่ต้องการผลด่วนก่อนมีเพศสัมพันธ์กับคู่ใหม่

ควรตรวจเมื่อไหร่ดี?

  • สำหรับบางโรค เช่น HIV ที่ใช้ตรวจ p24 antigen สามารถตรวจได้เร็วตั้งแต่ 10–14 วันหลังเสี่ยง
  • โรคอื่น เช่น หนองใน หรือคลามายเดีย สามารถตรวจได้ตั้งแต่ 3–5 วันหลังสัมผัสเสี่ยง
  • หากผลลบแต่ยังมีความเสี่ยงหรืออาการ ควร “ตรวจซ้ำ” ตามระยะที่เหมาะสม

หมายเหตุ: หากเพิ่งมีความเสี่ยงมา ควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินระยะเวลาเหมาะสมสำหรับการตรวจ เพราะบางโรคมีช่วง Window Period หรือ ผลลบลวง ที่อาจยังตรวจไม่พบเชื้อ

ตรวจ Antigen Test เจ็บไหม? ต้องเตรียมตัวยังไง?

หลายคนลังเลที่จะมาตรวจโรคติดต่อเพราะ “กลัวเจ็บ” หรือ “ไม่แน่ใจว่าต้องเตรียมตัวยังไง” ซึ่งจริง ๆ แล้ว การตรวจ Antigen Test ไม่ยุ่งยาก และไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด

ตรวจเจ็บไหม?

  • ขึ้นอยู่กับประเภทของการเก็บตัวอย่าง เช่น
    • ตรวจจากโพรงจมูก (nasal swab): อาจรู้สึกแสบหรือระคายเคืองเพียงไม่กี่วินาที
    • ตรวจจากปัสสาวะ: ไม่เจ็บเลย เป็นวิธีที่นิยมในบางชุดตรวจสำหรับคลามัยเดียหรือหนองใน
    • ตรวจเลือดปลายนิ้ว: เจ็บเล็กน้อยคล้ายการตรวจน้ำตาลในเลือด
  • หากกลัวเข็มหรือเคยมีประสบการณ์ไม่ดีมาก่อน สามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ล่วงหน้าได้

ต้องเตรียมตัวยังไงก่อนตรวจ?

  • ไม่จำเป็นต้องงดน้ำหรืออาหาร (เว้นแต่แพทย์แนะนำเฉพาะกรณี)
  • สามารถตรวจได้แม้มีประจำเดือน (หากไม่เกี่ยวกับบริเวณอวัยวะเพศโดยตรง)
  • งดปัสสาวะอย่างน้อย 1 ชั่วโมงก่อนเก็บตัวอย่าง (หากเป็นชุดตรวจจากปัสสาวะ)
  • ควรงดการมีเพศสัมพันธ์ก่อนตรวจอย่างน้อย 24–48 ชั่วโมง เพื่อความแม่นยำของผล

ขั้นตอนการตรวจ Antigen Test ที่คลินิก

การตรวจ Antigen Test ที่คลินิกไม่ได้ยุ่งยากอย่างที่หลายคนคิด โดยปกติแล้วสามารถ “ตรวจ เสร็จ รู้ผล” ได้ภายในเวลาไม่ถึง 40 นาที และใช้ขั้นตอนที่เป็นมาตรฐานทางการแพทย์

ขั้นตอนโดยทั่วไป

  1. ลงทะเบียน แจ้งข้อมูลทั่วไปและประวัติเสี่ยงกับเจ้าหน้าที่ โดยข้อมูลจะถูกเก็บเป็นความลับ
  2. ประเมินโดยแพทย์หรือเจ้าหน้าที่ เพื่อเลือกวิธีตรวจที่เหมาะสม เช่น ตรวจจากจมูก ปัสสาวะ หรือเลือด
  3. เก็บตัวอย่าง ดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญ ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที
  4. รอผลตรวจ ใช้เวลาเฉลี่ยประมาณ 15–30 นาที
  5. รับผลพร้อมคำแนะนำ หากพบความผิดปกติ แพทย์จะแนะนำการตรวจเพิ่มเติมหรือการรักษาต่อไป

โดยส่วนใหญ่ไม่จำเป็นต้องนัดล่วงหน้า (Walk-in ได้) แต่สามารถจองเวลาไว้ล่วงหน้าเพื่อความสะดวกและลดเวลารอ จองคิวคลิก

ผลตรวจ Antigen เชื่อถือได้แค่ไหน?

หนึ่งในคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Antigen Test คือ “แม่นยำแค่ไหน?” ซึ่งคำตอบคือ “ขึ้นอยู่กับชนิดของโรค, คุณภาพชุดตรวจ, และช่วงเวลาที่ตรวจ” เนื่องจาก Antigen Test เป็นการตรวจเบื้องต้น (screening test) ไม่ใช่การยืนยันผล (confirmatory test)

ความแม่นยำ (Accuracy)

  • ค่าความไว (Sensitivity): ความสามารถในการตรวจพบเชื้อหากมีอยู่จริง
    → โดยทั่วไปอยู่ที่ 70–90% สำหรับบางโรค เช่น HIV (p24 antigen)
  • ค่าความจำเพาะ (Specificity): ความสามารถในการให้ผลลบหากไม่มีเชื้อ
    → สูงถึง >98% ในชุดตรวจที่ได้รับการรับรองทางการแพทย์

เมื่อผลเป็นลบ (Negative)

  • ยังไม่สามารถฟันธงว่า “ปลอดภัยแน่นอน” ได้เสมอไป
  • หากตรวจเร็วเกินไปหลังเสี่ยง (ในช่วง window period) อาจให้ผลลบปลอม (false negative)

เมื่อผลเป็นบวก (Positive)

  • ควรตรวจยืนยันอีกครั้งด้วยวิธีที่มีความไวสูงกว่า เช่น PCR หรือ Antibody Test

หมายเหตุ: Antigen Test เหมาะกับการใช้ “คัดกรองเบื้องต้น” และควรใช้ร่วมกับการประเมินจากแพทย์เสมอ ไม่ควรใช้แทนการวินิจฉัยขั้นสุดท้าย

Antigen Test ต่างจาก Antibody Test ยังไง?

แม้ชื่อจะคล้ายกัน แต่ Antigen Test และ Antibody Test มีหลักการทำงานที่ต่างกันโดยสิ้นเชิง

  • Antigen Test: ตรวจหาโปรตีน (แอนติเจน) ของเชื้อโรค → เหมาะกับการตรวจในระยะ “เริ่มติดเชื้อ”
  • Antibody Test: ตรวจภูมิคุ้มกันที่ร่างกายสร้างขึ้นหลังติดเชื้อ → เหมาะกับการประเมิน “เคยติดเชื้อ” หรือมีภูมิหรือไม่

อ่านบทความเพิ่มเติม: 

ตรวจ Antigen Test ได้กี่แบบ? แบบไหนที่ใช้ในคลินิก?

ชุดตรวจ Antigen Test ในปัจจุบันมีหลายรูปแบบ โดยเลือกใช้ “ตัวอย่างที่ต่างกัน” ขึ้นอยู่กับชนิดของโรคและตำแหน่งที่เชื้อสะสมอยู่มากที่สุด จุดนี้เองที่ทำให้หลายคนสงสัยว่า “ต้องตรวจแบบไหนถึงจะได้ผลแม่นยำ?”

ประเภทของ Antigen Test ตามวิธีเก็บตัวอย่าง

  • ตรวจจากโพรงจมูก (Nasal Swab): ใช้สำหรับโรคทางเดินหายใจ เช่น COVID-19, ไข้หวัดบางชนิด
  • ตรวจจากปัสสาวะ: เหมาะกับหนองใน หรือคลามัยเดียในเพศชาย
  • ตรวจจากสารคัดหลั่งในช่องคลอด/ทวารหนัก: ใช้ในบางกรณีสำหรับกลุ่มเสี่ยงสูง หรือตรวจซ้ำเฉพาะจุด
  • ตรวจจากเลือด: พบในชุดตรวจ HIV (p24 antigen) หรือไวรัสตับอักเสบบี

แบบที่นิยมใช้ในคลินิก

  • ชุดตรวจที่ ผ่าน อย. หรือรับรองจากองค์กรแพทย์ระดับสากล
  • มักเลือกวิธีที่ “เก็บตัวอย่างง่าย เจ็บน้อย แม่นยำสูง” เช่น ปัสสาวะในเพศชาย หรือเลือดปลายนิ้วใน HIV
  • มีบางคลินิกที่ให้เลือกหลายวิธีตามความสะดวกของผู้รับบริการ 

แนะนำแพ็กเก็จการตรวจ: ตรวจ STD ราคาเท่าไหร่ ตรวจอะไรบ้าง เช็กลิสรายการตรวจ

ตรวจแล้วผลลบ = ปลอดภัยไหม? ต้องตรวจซ้ำไหม?

แม้ว่า Antigen Test จะให้ผลลัพธ์เบื้องต้นอย่างรวดเร็ว แต่ผล “ลบ” ไม่ได้แปลว่าปลอดภัย 100% เสมอ โดยเฉพาะถ้าตรวจในช่วงเวลาใกล้เคียงกับเหตุการณ์เสี่ยง หรือเลือกตรวจวิธีที่ไม่เหมาะกับโรคที่สงสัย

ผลลบปลอม (False Negative) เกิดจากอะไร?

  • ตรวจเร็วเกินไป (ยังอยู่ในช่วง window period)
  • เก็บตัวอย่างผิดตำแหน่ง หรือปริมาณเชื้อไม่เพียงพอ
  • คุณภาพของชุดตรวจต่ำ หรือหมดอายุ

แล้วควร “ตรวจซ้ำ” เมื่อไหร่?

  • หากมีความเสี่ยงสูง เช่น มีเพศสัมพันธ์ไม่ป้องกัน หรือมีอาการ
    → ควรตรวจซ้ำที่ 7 วัน / 14 วัน / 1 เดือน ตามคำแนะนำของแพทย์
  • หากยังมีอาการแม้ผลลบ
    → แพทย์อาจแนะนำตรวจด้วยวิธีที่ไวกว่า เช่น PCR หรือ Antibody Test

ราคา Antigen Test ประมาณเท่าไหร่?

ราคาการตรวจ Antigen Test อาจแตกต่างกันไปตามประเภทของโรคที่ต้องการตรวจ, วิธีเก็บตัวอย่าง, และมาตรฐานของคลินิกที่ให้บริการ แต่โดยทั่วไปถือว่า “เข้าถึงได้” และให้ความคุ้มค่าในการตรวจเช็กเบื้องต้น

ช่วงราคาทั่วไป (ในประเทศไทย)

  • ตรวจเฉพาะโรค (เช่น หนองใน หรือคลามัยเดีย): ประมาณ 500 – 1,500 บาท
  • ตรวจ HIV Antigen (p24 antigen): ประมาณ 700 – 1,800 บาท
  • ตรวจหลายโรคพร้อมกัน (Combo test): เริ่มต้น 1,200 – 3,000 บาท

มีแพ็กเกจหรือสิทธิ์อะไรให้ใช้ได้ไหม?

  • บางคลินิกมี แพ็กเกจตรวจโรคติดต่อแบบรวมหลายโรค พร้อมคำแนะนำแพทย์
  • อาจมีโปรโมชั่น หรือสิทธิพิเศษสำหรับกลุ่มเฉพาะ เช่น LGBTQ+ หรือคู่รัก
  • คลินิกบางแห่งอาจให้คำปรึกษาเบื้องต้นฟรี

คำถามพบบ่อยเกี่ยวกับืAntigen Test

Q: Antigen Test ต่างจาก PCR ยังไง?
A: Antigen ตรวจเชื้อเบื้องต้น รู้ผลเร็วกว่า ส่วน PCR แม่นยำกว่าแต่ใช้เวลานานและราคาสูง

Q: ตรวจ Antigen ต้องงดเพศสัมพันธ์ก่อนกี่วัน?
A: แนะนำให้งดอย่างน้อย 24–48 ชม. เพื่อความแม่นยำของตัวอย่างที่เก็บ

Q: Antigen Test เหมาะกับคนที่ไม่มีอาการไหม?
A: เหมาะอย่างยิ่ง โดยเฉพาะกรณีเสี่ยงล่าสุด เช่น มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน

Q: ตรวจจากเลือด vs ปัสสาวะ อันไหนแม่นกว่ากัน?
A: ขึ้นอยู่กับโรคที่ต้องการตรวจ เช่น HIV ใช้เลือด, คลามัยเดีย/หนองใน ใช้ปัสสาวะ

Q: ตรวจผ่านช่องทางทวาร/ช่องคลอด ต้องแจ้งหมอไหม?
A: ควรแจ้ง เพื่อให้เลือกวิธีเก็บตัวอย่างที่เหมาะสมและไม่พลาดตำแหน่งที่มีเชื้อ

Q: ตรวจแล้วผลลบ แต่ยังคาใจ ควรทำยังไง?
A: ควรตรวจซ้ำตามระยะ หรือใช้วิธีที่แม่นยำกว่าตามคำแนะนำแพทย์

Q: ต้องบอกคู่นอนไหมถ้าผลเป็นบวก?
A: ควรแจ้งอย่างสุภาพ เพื่อให้เขาได้ตรวจและรักษาด้วยเช่นกัน

Q: ผล Antigen ใช้ยืนยันกับที่ทำงานได้ไหม?
A: ส่วนใหญ่ใช้ได้สำหรับคัดกรองเบื้องต้น แต่ต้องดูเงื่อนไขของหน่วยงานนั้น ๆ

Antigen Test ตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ “เบื้องต้น” เท่านั้นหรือ?

หลายคนเข้าใจว่าแค่ตรวจ Antigen แล้วผลลบ = ปลอดภัย ซึ่งจริง ๆ แล้ว “ยังไม่ใช่คำวินิจฉัยสุดท้าย” โดยเฉพาะในโรคที่ต้องการความแม่นยำสูง เช่น HIV ระยะแรก หรือโรคที่มีช่วงฟักตัวนาน

Antigen Test = การตรวจคัดกรองเบื้องต้น

  • เหมาะสำหรับการ “ตรวจเร็ว รู้ผลไว” เช่นในเคสที่เพิ่งเสี่ยง หรือไม่มีอาการ
  • ใช้ประโยชน์ในการลดการแพร่เชื้อ และวางแผนชีวิตเบื้องต้น

ถ้าต้องการความแม่นยำสูงกว่านี้ ควรตรวจอะไร?

  • PCR Test → เหมาะกับโรคที่ต้องการตรวจสารพันธุกรรมของเชื้อ (เช่น HPV, HIV RNA, หนองใน/คลามัยเดีย)
  • Antibody Test → ตรวจภูมิคุ้มกัน เหมาะกับโรคที่ผ่านการติดเชื้อมาแล้ว

ตรวจที่ไหนได้บ้าง? ทำไมต้องเลือก Safe Clinic?

หากคุณกำลังมองหาคลินิกที่ให้บริการตรวจ Antigen Test อย่างมืออาชีพ รวดเร็ว และเป็นส่วนตัว “Safe Clinic” คือหนึ่งในตัวเลือกที่ได้รับความเชื่อมั่นจากผู้ใช้บริการจำนวนมาก

จุดเด่นของ Safe Clinic

  • บริการตรวจ Antigen Test ครอบคลุมหลายโรค STD เช่น HIV, ซิฟิลิส, คลามายเดีย, หนองใน ฯลฯ
  • ผลตรวจรู้เร็วภายใน 15–30 นาที พร้อมคำแนะนำจากแพทย์เฉพาะทาง
  • เหมาะกับทุกกลุ่ม ทั้งชาย หญิง LGBTQ+ และกลุ่มที่ต้องการความเป็นส่วนตัว
  • ทีมแพทย์ประสบการณ์สูงด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
  • มีบริการ Walk-in และระบบจองล่วงหน้าออนไลน์

ที่ตั้งและการเดินทาง

  • สาขาใกล้รถไฟฟ้า เดินทางสะดวกทั้ง BTS และ MRT
  • ที่จอดรถรองรับ พร้อมระบบจัดการคิวที่รวดเร็ว

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมหรือจองตรวจได้ที่เว็บไซต์ Safe Clinic

บทสรุป

การตรวจ Antigen Test คือเครื่องมือที่มีประโยชน์อย่างยิ่งในการ “คัดกรองโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เบื้องต้น” โดยเฉพาะในกรณีที่ต้องการรู้ผลเร็ว หรือยังไม่มีอาการ

แม้จะไม่ใช่การวินิจฉัยที่แม่นยำที่สุด แต่เมื่อใช้อย่างถูกวิธี ร่วมกับคำแนะนำจากแพทย์ จะช่วยลดความเสี่ยง และวางแผนชีวิตทางเพศได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น

หากคุณมีความเสี่ยง หรือแค่ต้องการตรวจเพื่อความสบายใจ คลินิกที่มีบริการ Antigen Test อย่างปลอดภัย เป็นส่วนตัว และให้ผลเร็ว คือทางเลือกที่คุ้มค่าที่สุด

icon email