STD โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ชื่อทางการ “Sexually Transmitted Diseases” คือกลุ่มโรคที่สามารถแพร่กระจายผ่านการมีเพศสัมพันธ์ ไม่ว่าจะเป็นทางช่องคลอด ทางปาก หรือทางทวารหนัก แม้ในบางครั้งผู้ที่ติดเชื้อจะไม่มีอาการ แต่ก็สามารถแพร่เชื้อต่อไปได้โดยไม่รู้ตัว
ในปัจจุบัน STD กลับมาเป็นปัญหาสาธารณสุขที่ต้องจับตา โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่นและวัยทำงานที่มีพฤติกรรมเสี่ยง เช่น การไม่ใช้ถุงยางอนามัย หรือมีคู่นอนหลายคนโดยไม่ตรวจสุขภาพทางเพศ
บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับ STD ว่าคืออะไร มีกี่ชนิด โรคไหนบ้างที่พบบ่อย วิธีการป้องกัน รวมถึงเหตุผลว่าทำไม “การตรวจสุขภาพทางเพศ” ถึงไม่ควรเป็นเรื่องที่ถูกละเลยอีกต่อไป
STD โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ คือกลุ่มโรคที่เกิดจากการติดเชื้อซึ่งสามารถถ่ายทอดผ่านกิจกรรมทางเพศ ทั้งการสอดใส่ทางช่องคลอด ทวารหนัก หรือทางปาก โดยไม่ใช้ถุงยางอนามัย หรือไม่ได้รับการป้องกันอย่างเหมาะสม
นอกจากการมีเพศสัมพันธ์โดยตรงแล้ว STD บางชนิดยังสามารถติดต่อผ่านทางเลือด สารคัดหลั่ง หรือจากแม่สู่ลูกระหว่างการตั้งครรภ์หรือคลอดบุตรได้อีกด้วย ผู้ที่ติดเชื้ออาจมีอาการหรือไม่มีอาการใดๆ เลย ซึ่งทำให้หลายคนไม่รู้ตัวว่ากำลังแพร่เชื้อให้ผู้อื่นอยู่ กลุ่มโรคที่จัดอยู่ใน STD มีหลายประเภท ซึ่งบางโรคสามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่บางชนิดอาจฝังตัวในร่างกายตลอดชีวิต
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (STD) ไม่ได้มีเพียงไม่กี่ชนิดอย่างที่หลายคนเข้าใจ แท้จริงแล้วโรคเหล่านี้สามารถจำแนกได้ตามประเภทของเชื้อที่ก่อโรค ซึ่งหลัก ๆ แบ่งออกเป็น 4 กลุ่มใหญ่ ได้แก่
การเข้าใจประเภทของเชื้อเป็นสิ่งสำคัญ เพราะแต่ละชนิดมีแนวทางการรักษาและการป้องกันที่แตกต่างกัน หากสงสัยว่ามีความเสี่ยง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและดูแลอย่างเหมาะสม
แม้โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (STD) จะมีอยู่หลายชนิด แต่มีบางโรคที่พบได้บ่อยในประเทศไทย โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่น วัยทำงาน และกลุ่มที่มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน ดังนี้
บางโรคมีอาการชัดเจน แต่หลายโรคไม่มีอาการเลย ดังนั้นการตรวจสุขภาพทางเพศเป็นประจำจึงเป็นสิ่งสำคัญ
หลายคนเข้าใจว่าโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (STD) จะติดเฉพาะเมื่อมีเพศสัมพันธ์แบบสอดใส่เท่านั้น แต่ความจริงแล้ว STD สามารถติดต่อได้หลากหลายช่องทางมากกว่าที่คิด
การรู้ว่า STD ติดต่อได้อย่างไรเป็นก้าวแรกของการป้องกันที่มีประสิทธิภาพ และช่วยลดโอกาสการแพร่กระจายโดยไม่รู้ตัว
ผู้ที่มีความเสี่ยง ที่ควรเข้ารับการตรวจ STD Test มีดังนี้
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (STD) ไม่ได้แสดงอาการชัดเจนเสมอไป โดยเฉพาะในระยะแรก หลายคนติดเชื้อโดยไม่รู้ตัวและยังสามารถแพร่เชื้อให้ผู้อื่นได้โดยไม่ตั้งใจ อย่างไรก็ตาม อาการที่ควรสังเกตมีดังนี้:
ผู้ติดเชื้อบางรายอาจไม่แสดงอาการเลย แต่ยังสามารถแพร่เชื้อได้ จึงควรตรวจคัดกรองเป็นประจำ โดยเฉพาะเมื่อมีพฤติกรรมเสี่ยง
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (STD) มีตั้งแต่ชนิดที่สามารถรักษาให้หายได้ง่าย ไปจนถึงโรคเรื้อรังที่ส่งผลต่ออวัยวะสำคัญในร่างกาย หรือแม้แต่นำไปสู่ภาวะมะเร็งหรือเสียชีวิต หากไม่รับการรักษาอย่างทันท่วงที
การรู้เท่าทันความรุนแรงของแต่ละโรคช่วยให้เราไม่ประมาท และมองเห็นความสำคัญของการตรวจคัดกรองและป้องกันอย่างจริงจัง
แม้โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (STD) จะสามารถเกิดได้กับทุกเพศ แต่ในหลายกรณี ผู้หญิงกลับมีความเสี่ยงที่จะ “ติดเชื้อโดยไม่รู้ตัว” มากกว่าผู้ชาย ด้วยเหตุผลหลายด้านทั้งทางร่างกายและพฤติกรรม
อวัยวะเพศหญิงมีลักษณะเปิด และมีเยื่อบุภายในที่บอบบาง ทำให้เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายได้ง่ายกว่าเพศชาย
โรคบางชนิด เช่น หนองในเทียมหรือ HPV อาจไม่แสดงอาการชัดเจนในเพศหญิง แต่สามารถลุกลามจนเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น มีบุตรยาก หรือมะเร็งปากมดลูก
ผู้หญิงจำนวนมากไม่รู้ว่าตกขาวผิดปกติหรือกลิ่นเปลี่ยนเป็นสัญญาณเตือนโรค อาการมักถูกมองข้ามว่าเป็น “เรื่องปกติของผู้หญิง”
หลายคนอาจไม่กล้าไปพบแพทย์หรือไม่เคยตรวจสุขภาพทางเพศเลย ทำให้โรคไม่ถูกตรวจพบตั้งแต่ระยะแรก เพราะเหตุนี้ แพทย์จึงแนะนำให้ผู้หญิงทุกคน โดยเฉพาะในวัยเจริญพันธุ์ เข้ารับการตรวจคัดกรอง STD เป็นประจำ แม้จะไม่มีอาการผิดปกติก็ตาม
หลายคนอาจคิดว่า “ไม่ได้มั่ว ไม่เสี่ยง” หรือ “ดูสะอาด ไม่น่ามีโรค” แต่ในความเป็นจริง มีพฤติกรรมหลายอย่างที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (STD) โดยไม่รู้ตัว ซึ่งมักเกิดจากความเข้าใจผิดหรือความเคยชินที่ดูเหมือนไม่อันตราย
แต่ในความจริง เราไม่สามารถรู้ได้ว่าอีกฝ่ายมีประวัติทางเพศมาก่อนหรือไม่ และบางคนอาจไม่รู้ตัวว่าตัวเองติดเชื้ออยู่
โรคอย่างซิฟิลิส หนองใน เริม หรือ HPV สามารถติดต่อผ่านการใช้ปากได้ แม้จะไม่มีการสอดใส่
หลายโรค เช่น HPV, หนองในเทียม หรือ HIV สามารถติดได้โดยไม่มีอาการใด ๆ ในระยะต้น
การตัดสินใจหลังดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เช่น ลืมใส่ถุงยาง มีเพศสัมพันธ์กับคนไม่รู้จัก คืออีกหนึ่งช่องทางเสี่ยงสูง
การเข้าใจพฤติกรรมเสี่ยงและแก้ไขความเข้าใจผิดเหล่านี้ จะช่วยให้เราสามารถป้องกันโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ และใช้ชีวิตทางเพศอย่างปลอดภัยมากขึ้น
การป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (STD) ไม่ใช่เรื่องซับซ้อน และไม่ใช่แค่เรื่องของถุงยางอนามัยเท่านั้น แต่เป็นเรื่องของการ “รู้จักป้องกันอย่างรอบด้าน” เพื่อความปลอดภัยทั้งต่อตัวเองและคู่ของคุณ
ไม่ว่าจะเป็นเพศสัมพันธ์ทางช่องคลอด ทวารหนัก หรือปาก ถุงยางเป็นเครื่องมือป้องกันที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดหากใช้อย่างถูกต้อง
โดยเฉพาะหากคุณมีคู่นอนหลายคน หรือเริ่มความสัมพันธ์ใหม่ ควรตรวจ STD อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง
เช่น วัคซีน HPV สำหรับป้องกันหูดหงอนไก่และมะเร็งปากมดลูก และวัคซีนไวรัสตับอักเสบบี
ไม่ดื่มแอลกอฮอล์จนขาดสติ, ไม่ใช้ยาเสพติดที่ต้องใช้เข็มร่วมกับผู้อื่น และไม่เปลี่ยนคู่นอนบ่อย
แม้จะไม่มีอาการ แต่บางพฤติกรรมก็อาจทำให้คุณเสี่ยงติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (STD) ได้มากกว่าที่คิด ลองเช็กตัวเองจากคำถามต่อไปนี้ หากคุณ “ตอบใช่” ข้อใดข้อหนึ่ง ควรเข้ารับการตรวจ STD โดยไม่ต้องรอให้มีอาการ
หากคุณไม่แน่ใจในคำตอบของตัวเอง การเข้ารับการตรวจคือวิธีที่ดีที่สุดในการรักษาความมั่นใจ และดูแลสุขภาพทางเพศของคุณอย่างปลอดภัย
การติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (STD) ระหว่างตั้งครรภ์ไม่เพียงส่งผลต่อสุขภาพของคุณแม่เท่านั้น แต่ยังสามารถส่งผลกระทบร้ายแรงต่อทารกในครรภ์ได้ด้วย หากไม่ได้รับการวินิจฉัยและรักษาอย่างทันท่วงที
การดูแลสุขภาพทางเพศในช่วงตั้งครรภ์คือการปกป้องชีวิตทั้งของคุณและลูกอย่างแท้จริง
การตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (STD) ไม่ได้ยุ่งยากหรือเจ็บอย่างที่หลายคนกังวล และเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการดูแลสุขภาพทางเพศอย่างรอบด้าน โดยเฉพาะในกลุ่มที่มีพฤติกรรมเสี่ยง
ราคา ขึ้นอยู่กับชนิดของโรคที่ตรวจและสถานพยาบาล โดยทั่วไปอยู่ที่ประมาณ 1,000 – 5,000 บาท หากตรวจหลายรายการพร้อมกัน
อ่านเพิ่มเติม: ตรวจ STD ที่ไหนดี ราคาเท่าไหร่ ต้องตรวจอะไรบ้าง เตรียมตัวยังไง
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (STD) ไม่ใช่เรื่องของ “บางคน” แต่เป็นเรื่องที่ “ทุกคน” ควรตระหนัก ไม่ว่าคุณจะมีคู่นอนคนเดียว หรือไม่ได้มีเพศสัมพันธ์บ่อยก็ตาม เพราะ STD หลายชนิดติดง่าย ไม่แสดงอาการ และสามารถส่งผลร้ายแรงต่อสุขภาพในระยะยาว
การเข้าใจเรื่อง STD และตรวจอย่างสม่ำเสมอคือพื้นฐานของ “สุขภาพเพศที่ปลอดภัย” ที่ทุกคนควรมี — เพราะชีวิตดี เริ่มจากการรู้ทัน
ตอบ: ใช่ โดยทั่วไป “กามโรค” คือชื่อที่เคยใช้เรียก STD ในอดีต ปัจจุบันใช้คำว่า “โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์” เพื่อความถูกต้องและครอบคลุมมากขึ้น
ตอบ: จำเป็นมาก เพราะหลายโรค เช่น หนองในเทียม, HPV หรือ HIV อาจไม่มีอาการเลยในระยะแรก แต่สามารถแพร่เชื้อและก่อผลร้ายต่อร่างกายได้
ตอบ: ได้ โรคอย่างเริม ซิฟิลิส หนองใน หรือ HPV สามารถติดต่อผ่านทางปากและลำคอได้
ตอบ: ขึ้นอยู่กับชนิดของโรค โรคจากแบคทีเรียส่วนใหญ่รักษาหายได้ แต่โรคจากไวรัสบางชนิด เช่น เริม หรือ HIV อาจไม่หายขาดแต่ควบคุมได้
หากต้องการนัดหมายเข้ารับบริการหรือต้องการปรึกษาเพิ่มเติม
สามารถจองคิวผ่านเว็บไซต์ หรือ Inbox ทางช่องทาง Social Media ต่างๆ ได้ด้านล่างนี้