Estimated reading time: 3 minutes
Mycoplasma hominis เป็นเชื้อแบคทีเรียขนาดเล็กมากที่ไม่มีผนังเซลล์ แตกต่างจากแบคทีเรียทั่วไป เชื้อนี้มักอาศัยอยู่ในระบบสืบพันธุ์ของคนทั้งเพศชายและหญิงโดยไม่แสดงอาการ จึงทำให้หลายคนไม่รู้ตัวว่าติดเชื้ออยู่
ถึงแม้ในบางรายเชื้อจะไม่ก่อให้เกิดอาการ แต่ก็สามารถแพร่สู่ผู้อื่นได้ผ่านการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน หรือในหญิงตั้งครรภ์ เชื้ออาจถ่ายทอดสู่ทารกขณะคลอดได้ การรู้เท่าทันและตรวจหาด้วยวิธีที่แม่นยำ เช่น PCR test จึงมีความสำคัญ เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนและรักษาได้อย่างตรงจุด
Mycoplasma hominis เป็นเชื้อแบคทีเรียขนาดเล็กที่ไม่มีผนังเซลล์ ซึ่งถือเป็นลักษณะเฉพาะของกลุ่ม Mycoplasma ต่างจากแบคทีเรียทั่วไปที่มีผนังหุ้มเซลล์ เชื้อนี้อาศัยอยู่ในระบบสืบพันธุ์ของมนุษย์ทั้งเพศชายและหญิง โดยมักพบในช่องคลอด ท่อปัสสาวะ และบางกรณีอาจพบในทางเดินปัสสาวะส่วนบน
โดยทั่วไป Mycoplasma hominis อาจอยู่ในร่างกายโดยไม่ก่อให้เกิดอาการ แต่สามารถแพร่เชื้อไปยังผู้อื่นได้เมื่อมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน หรือในบางกรณีอาจกระตุ้นให้เกิดการอักเสบในระบบสืบพันธุ์ โดยเฉพาะเมื่อมีภูมิคุ้มกันอ่อนแอ
เชื้อนี้ถูกจัดอยู่ในกลุ่มโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (STI) ซึ่งหมายความว่าการติดเชื้อสามารถเกิดขึ้นได้แม้ไม่มีอาการชัดเจน การตรวจด้วยเทคนิค PCR (Polymerase Chain Reaction) จึงเป็นวิธีที่ช่วยยืนยันการติดเชื้อได้แม่นยำที่สุดในปัจจุบัน
เชื้อ Mycoplasma hominis สามารถติดต่อได้หลักจากการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน ไม่ว่าจะเป็นทางช่องคลอด ทางปาก หรือทางทวารหนัก เชื้อจะเข้าสู่ร่างกายผ่านเยื่อบุในระบบสืบพันธุ์ และสามารถอาศัยอยู่ได้โดยไม่แสดงอาการในบางราย
ในหญิงตั้งครรภ์ เชื้ออาจถ่ายทอดจากแม่สู่ลูกขณะคลอด ซึ่งอาจทำให้ทารกเกิดการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจหรือทางเดินปัสสาวะ ส่วนในผู้ใหญ่ การติดต่อจากการใช้ของร่วม เช่น ผ้าเช็ดตัว หรือห้องน้ำสาธารณะ ถือว่ามีโอกาสน้อยมาก
แม้ผู้ติดเชื้อจะไม่มีอาการ แต่ยังสามารถแพร่เชื้อให้คู่ของตนได้ ดังนั้นการตรวจสุขภาพทางเพศสัมพันธ์เป็นประจำ และใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้ง คือวิธีป้องกันการติดเชื้อและแพร่เชื้อที่ได้ผลที่สุด
หลายคนเข้าใจผิดว่าเชื้อ Mycoplasma hominis เป็นเพียงเชื้อทั่วไปที่ไม่อันตราย ความจริงแล้วเชื้อนี้จัดอยู่ในกลุ่มโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (STI) และสามารถแพร่เชื้อได้แม้ไม่มีอาการชัดเจน จึงไม่ควรมองข้ามหรือปล่อยไว้โดยไม่ตรวจ
อีกความเชื่อหนึ่งที่พบได้บ่อยคือ “ตรวจเลือดก็สามารถตรวจเจอเชื้อนี้ได้” ซึ่งไม่ถูกต้อง เพราะ Mycoplasma hominis ไม่มีผนังเซลล์ การตรวจที่แม่นยำต้องใช้วิธี PCR (Polymerase Chain Reaction) ในการตรวจจากสารคัดหลั่งหรือปัสสาวะเท่านั้น
นอกจากนี้ ยังมีความเข้าใจผิดว่า “ถ้าไม่มีอาการ แปลว่าไม่ติดเชื้อ” แต่จริง ๆ แล้ว ผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่ไม่แสดงอาการเลย และอาจแพร่เชื้อให้คู่ของตนได้โดยไม่รู้ตัว ดังนั้นการตรวจเป็นระยะและการป้องกันอย่างสม่ำเสมอ จึงสำคัญต่อสุขภาพทางเพศที่ปลอดภัย
เชื้อ Mycoplasma hominis มักพบร่วมกับเชื้อแบคทีเรียชนิดอื่นในระบบสืบพันธุ์ โดยเฉพาะเชื้อในกลุ่ม Ureaplasma, Chlamydia trachomatis และ Gardnerella vaginalis การติดเชื้อหลายชนิดพร้อมกันเรียกว่า Co-infection ซึ่งอาจทำให้เกิดการอักเสบรุนแรงขึ้นหรือรักษายากขึ้น
ในหลายกรณี ผู้ป่วยที่ตรวจพบ Mycoplasma hominis มักจะมีเชื้ออื่นร่วมด้วยโดยไม่รู้ตัว การตรวจเฉพาะเชื้อเดียวจึงอาจไม่เพียงพอ ปัจจุบันมีการใช้เทคนิค Multiplex PCR ที่สามารถตรวจหาเชื้อหลายชนิดพร้อมกันได้ในครั้งเดียว เพิ่มความแม่นยำและประสิทธิภาพในการรักษา
การตรวจแบบครบชุดจึงเหมาะสำหรับผู้ที่มีพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศ หรือเคยมีผลตรวจพบเชื้ออื่นในอดีต เพราะจะช่วยให้แพทย์วางแผนการรักษาได้ครอบคลุมและลดโอกาสกลับมาติดเชื้อซ้ำ
ผู้ที่ติดเชื้อ Mycoplasma hominis ส่วนใหญ่มักไม่แสดงอาการเลย จึงทำให้หลายคนไม่รู้ตัวว่ามีเชื้ออยู่ในร่างกาย อย่างไรก็ตาม ในบางรายเชื้ออาจกระตุ้นให้เกิดการอักเสบในระบบสืบพันธุ์ โดยเฉพาะเมื่อภูมิคุ้มกันอ่อนแอหรือมีการติดเชื้ออื่นร่วมด้วย
ในผู้หญิง อาจมีตกขาวผิดปกติ มีกลิ่น คัน หรือปวดบริเวณอุ้งเชิงกราน บางรายอาจมีอาการเจ็บหรือแสบขณะปัสสาวะ และอาจสัมพันธ์กับภาวะอุ้งเชิงกรานอักเสบ (PID) ในรายที่เชื้อกระจายขึ้นไปถึงมดลูกหรือท่อนำไข่
ในผู้ชาย อาจมีอาการแสบขณะปัสสาวะ ปวดปลายอวัยวะเพศ หรือมีของเหลวใสออกจากท่อปัสสาวะ ซึ่งมักคล้ายกับการติดเชื้อหนองในเทียม แต่เกิดจาก Mycoplasma ที่ไม่สามารถตรวจพบด้วยวิธีทั่วไป
หากมีอาการผิดปกติบริเวณอวัยวะเพศ ควรเข้ารับการตรวจโดยแพทย์ เพื่อแยกสาเหตุและวางแผนการรักษาที่เหมาะสม เนื่องจากการติดเชื้อนี้อาจเกิดร่วมกับเชื้ออื่นโดยไม่รู้ตัว
การตรวจหาเชื้อ Mycoplasma hominis สามารถทำได้โดยเก็บตัวอย่างจากปัสสาวะหรือสารคัดหลั่งจากอวัยวะเพศ แล้วนำไปตรวจในห้องปฏิบัติการด้วยวิธี PCR (Polymerase Chain Reaction) ซึ่งเป็นเทคนิคที่มีความแม่นยำสูงในการตรวจหาเชื้อแบคทีเรียที่ไม่มีผนังเซลล์อย่าง Mycoplasma
ก่อนตรวจ ควรงดปัสสาวะอย่างน้อย 2 ชั่วโมง เพื่อให้ได้ตัวอย่างที่มีเชื้อในระดับที่ตรวจพบได้ชัดเจน ไม่จำเป็นต้องงดอาหารหรือยาก่อนตรวจ เว้นแต่แพทย์จะแนะนำเป็นพิเศษ การตรวจนี้ใช้เวลาไม่นาน และสามารถทราบผลได้ภายในไม่กี่วัน
ในปัจจุบัน มีบริการตรวจแบบ Multiplex PCR ที่สามารถตรวจเชื้อหลายชนิดในครั้งเดียว เช่น Mycoplasma, Ureaplasma และ Chlamydia เหมาะสำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงทางเพศสัมพันธ์ เพราะช่วยประหยัดเวลาและเพิ่มความแม่นยำในการวินิจฉัย
การรักษา Mycoplasma hominis ทำได้โดยใช้ยาปฏิชีวนะภายใต้การดูแลของแพทย์ ซึ่งยาที่เลือกใช้จะขึ้นอยู่กับชนิดของเชื้อและผลตรวจจากห้องแล็บ โดยทั่วไปมักใช้ยากลุ่มที่ออกฤทธิ์ยับยั้งการสร้างโปรตีนของแบคทีเรีย เนื่องจากเชื้อชนิดนี้ไม่มีผนังเซลล์ จึงไม่ตอบสนองต่อยาบางชนิด เช่น เพนิซิลลิน
ในบางกรณีอาจพบภาวะ เชื้อดื้อยา (Antibiotic Resistance) ซึ่งมักเกิดจากการใช้ยาผิดประเภทหรือหยุดยาเองก่อนครบกำหนด หากเชื้อไม่หายขาด แพทย์จะพิจารณาปรับแนวทางการรักษาหรือเปลี่ยนยาที่เหมาะสมกว่า พร้อมตรวจติดตามซ้ำด้วยวิธี PCR เพื่อยืนยันผลหลังรักษา
การรักษาจะได้ผลดีที่สุดเมื่อรักษาพร้อมกันทั้งคู่ และงดการมีเพศสัมพันธ์ระหว่างช่วงรับยา เพื่อป้องกันการติดเชื้อซ้ำหรือแพร่เชื้อกลับไปกลับมา การรับคำแนะนำจากแพทย์และปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด
การติดเชื้อ Mycoplasma hominis อาจส่งผลต่อสุขภาพการเจริญพันธุ์ โดยเฉพาะในผู้หญิงที่ปล่อยให้เชื้ออยู่ในร่างกายเป็นเวลานาน เชื้อสามารถแพร่กระจายจากช่องคลอดขึ้นไปยังมดลูกหรือท่อนำไข่ ทำให้เกิดการอักเสบในอุ้งเชิงกราน (Pelvic Inflammatory Disease: PID) ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะมีบุตรยากในอนาคต
ในหญิงตั้งครรภ์ การติดเชื้อนี้อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการคลอดก่อนกำหนด การติดเชื้อในถุงน้ำคร่ำ หรือการติดเชื้อในทารกแรกเกิด โดยเฉพาะการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจหรือตา แพทย์จึงมักแนะนำให้ตรวจหาเชื้อหากมีตกขาวผิดปกติ เจ็บอุ้งเชิงกราน หรือเคยมีภาวะอักเสบในมดลูกมาก่อน
ในเพศชาย เชื้ออาจส่งผลต่อคุณภาพของอสุจิ และเพิ่มโอกาสเกิดภาวะมีบุตรยากได้เช่นกัน การตรวจและรักษาร่วมกันของทั้งคู่จึงมีความสำคัญ เพื่อให้ระบบสืบพันธุ์แข็งแรงและลดความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนในอนาคต
การป้องกันการติดเชื้อ Mycoplasma hominis ทำได้โดยการมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ไม่ว่าจะเป็นทางช่องคลอด ทางปาก หรือทางทวารหนัก เนื่องจากเชื้อนี้สามารถติดต่อได้จากการสัมผัสเยื่อบุในระบบสืบพันธุ์โดยตรง
ควรตรวจสุขภาพทางเพศสัมพันธ์เป็นประจำอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง โดยเฉพาะผู้ที่มีคู่นอนหลายคน หรือเคยมีประวัติติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์มาก่อน เพราะบางรายอาจติดเชื้อโดยไม่มีอาการ การตรวจเชิงป้องกันช่วยให้ตรวจพบเชื้อได้ตั้งแต่ระยะแรกและรักษาได้ทันท่วงที
อีกสิ่งสำคัญคือ การรักษาพร้อมกันทั้งคู่เมื่อพบการติดเชื้อ เพื่อป้องกันการแพร่กลับไปกลับมา การหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงและใส่ใจสุขอนามัยส่วนตัว เช่น การล้างทำความสะอาดอย่างถูกวิธี และไม่ใช้ของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น จะช่วยลดโอกาสติดเชื้อได้มาก
ราคาการตรวจหาเชื้อ Mycoplasma hominis ที่ Safe Clinic ขึ้นอยู่กับรูปแบบการตรวจที่เลือก โดยใช้เทคโนโลยี PCR (Polymerase Chain Reaction) ซึ่งให้ผลแม่นยำสูงและตรวจพบเชื้อได้แม้ในปริมาณน้อย
ปัจจุบันมีให้เลือกสองรูปแบบ ได้แก่
ทุกขั้นตอนดำเนินการในห้องแล็บมาตรฐาน โดยทีมแพทย์เฉพาะทางด้าน STD ผลตรวจพร้อมภายในไม่กี่วัน และสามารถจองคิวตรวจออนไลน์หรือ ติดต่อ Safe Clinic ได้โดยตรง
ส่วนใหญ่เชื้อนี้ไม่สามารถหายเองได้ แม้บางคนไม่มีอาการ เชื้อยังสามารถอยู่ในร่างกายและแพร่ให้ผู้อื่นได้ การรักษาด้วยยาปฏิชีวนะภายใต้การดูแลของแพทย์จึงเป็นวิธีที่ปลอดภัยและได้ผลที่สุด
จำเป็น โดยเฉพาะผู้ที่มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน หรือเคยมีคู่ที่ตรวจพบเชื้อ เพราะ Mycoplasma hominis มักไม่แสดงอาการในระยะแรก การตรวจเชิงป้องกันช่วยลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนในอนาคต
หากใช้วิธี PCR test จะใช้เวลาเพียงไม่กี่วันในการทราบผล ขึ้นอยู่กับห้องแล็บและจำนวนเชื้อที่ตรวจพร้อมกัน โดยทั่วไปสามารถรับผลได้ภายใน 3–5 วันทำการ
ควรตรวจพร้อมกันทั้งคู่ เพราะหากรักษาเพียงฝ่ายเดียว อีกฝ่ายอาจยังมีเชื้อและสามารถแพร่กลับไปได้ การรักษาพร้อมกันช่วยป้องกันการติดซ้ำและเพิ่มประสิทธิภาพของการรักษา
โอกาสค่อนข้างน้อย เพราะเชื้อแพร่ได้ดีที่สุดจากการสัมผัสเยื่อบุขณะมีเพศสัมพันธ์โดยตรง อย่างไรก็ตาม ควรหลีกเลี่ยงการใช้ของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น เช่น ผ้าเช็ดตัวหรือชุดชั้นใน เพื่อความปลอดภัยเพิ่มเติม
เชื้อ Mycoplasma hominis เป็นหนึ่งในเชื้อที่พบได้บ่อยในระบบสืบพันธุ์ และมักไม่แสดงอาการจนกว่าจะเกิดการอักเสบหรือภาวะแทรกซ้อน การตรวจหาเชื้อด้วยวิธีที่แม่นยำ เช่น PCR test ช่วยให้สามารถวินิจฉัยและรักษาได้ตั้งแต่ระยะแรก
การดูแลสุขภาพทางเพศอย่างสม่ำเสมอ การใช้ถุงยางทุกครั้ง และการตรวจพร้อมคู่รัก เป็นวิธีป้องกันที่ดีที่สุด หากต้องการตรวจ STD อย่างปลอดภัยและเป็นส่วนตัวในกรุงเทพฯ สามารถเข้ารับบริการได้ที่ Safe Clinic ซึ่งมีทีมแพทย์เฉพาะทางและห้องตรวจมาตรฐาน เพื่อความมั่นใจในทุกขั้นตอนของการดูแลสุขภาพ
หากต้องการนัดหมายเข้ารับบริการหรือต้องการปรึกษาเพิ่มเติม
สามารถจองคิวผ่านเว็บไซต์ หรือ Inbox ทางช่องทาง Social Media ต่างๆ ได้ด้านล่างนี้