บทความนี้จะพาคุณเจาะลึกว่า STIs กับ STDs ต่างกันอย่างไร ในทางการแพทย์ ทำไมหมอและองค์กรด้านสุขภาพจึงหันมาใช้คำว่า STI กันมากขึ้น และทำไมเรื่องนี้จึงสำคัญต่อความเข้าใจ การสื่อสาร และการดูแลสุขภาพทางเพศของทุกคนในปี 2025
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา หลายคนอาจสังเกตเห็นว่าคำว่า “STDs” เริ่มถูกแทนที่ด้วยคำว่า “STIs” ในบทความสุขภาพ เอกสารทางการแพทย์ หรือแม้แต่บทสนทนาในคลินิก บางคนอาจสงสัยว่า คำสองคำนี้ต่างกันอย่างไร? ใช้แทนกันได้ไหม? หรือ “STD” กลายเป็นคำล้าสมัยไปแล้วจริงหรือ?
STIs (Sexually Transmitted Infections) หมายถึง การติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ ที่สามารถส่งผ่านระหว่างบุคคลได้ผ่านการมีเพศสัมพันธ์ทางช่องคลอด ปาก หรือทวารหนัก รวมถึงการสัมผัสสารคัดหลั่งหรือผิวหนังที่มีเชื้อ โดยไม่จำเป็นต้องมีเพศสัมพันธ์แบบสอดใส่ก็สามารถติดเชื้อได้ในบางกรณี
สิ่งที่สำคัญคือ — STIs ไม่จำเป็นต้องแสดงอาการเสมอไป บางคนอาจมีเชื้อแต่ไม่มีอาการใด ๆ นานเป็นปี เช่น HPV, Chlamydia, HIV ระยะแรก ฯลฯ
เดิมทีวงการแพทย์ใช้คำว่า STDs (Sexually Transmitted Disease) ซึ่งเน้นภาวะที่ “เป็นโรค” หรือมีอาการปรากฏแล้ว แต่ในปัจจุบันมีการเปลี่ยนแนวคิด เพื่อให้เข้าใจตรงกับความเป็นจริง และลดการตีตราคนไข้ จึงเริ่มใช้คำว่า “STIs” แทนคำว่า “STDs” อย่างเป็นทางการมากขึ้น ทั้งในเอกสารทางการแพทย์ สื่อสุขภาพ และแนวทางของ WHO, CDC
แม้คำว่า STIs และ STDs จะถูกใช้แทนกันบ่อย ๆ ในการพูดคุยทั่วไป แต่ในวงการแพทย์ “ทั้งสองคำนี้มีความหมายที่ต่างกันในเชิงลึก”
จุดเปรียบเทียบ |
STI (Sexually Transmitted Infection) |
STD (Sexually Transmitted Disease) |
---|---|---|
ความหมายหลัก |
การติดเชื้อที่ติดต่อผ่านเพศสัมพันธ์ |
โรคที่เกิดจากการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ |
สถานะของร่างกาย |
อาจยังไม่แสดงอาการ |
มักมีอาการชัดเจน เช่น แผล ตกขาว เจ็บ |
การตรวจพบ |
ตรวจพบเชื้อได้แม้ยังไม่มีอาการ |
มักตรวจพบหลังมีอาการหรือภาวะแทรกซ้อน |
ใช้ในทางวิชาการ/แนวทางสาธารณสุข |
ใช้แพร่หลายในเอกสาร WHO/CDC ล่าสุด |
ใช้ในตำราเดิม และการสื่อสารสาธารณะบางกรณี |
แนวโน้มการใช้ |
เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ในทุกระดับการสื่อสาร |
ลดลงในเอกสารวิชาการ/คลินิกส่วนใหญ่ |
ในช่วง 10–15 ปีที่ผ่านมา วงการแพทย์ทั่วโลกเริ่มเปลี่ยนจากการใช้คำว่า “STDs” มาเป็น “STIs” การเปลี่ยนคำนี้ไม่ได้เกิดจากเทรนด์แฟชั่น แต่มีเหตุผลสำคัญทั้งทางวิทยาศาสตร์และจิตวิทยาสังคม
คำว่า Infection (การติดเชื้อ) หมายถึงการที่เชื้อเข้าสู่ร่างกาย ซึ่งในหลายกรณี ยังไม่แสดงอาการหรือไม่ถึงขั้นเป็นโรค เช่น HPV, Chlamydia, HIV ระยะแรก — อาจไม่เจ็บ ไม่คัน ไม่มีสิ่งผิดปกติใด ๆ แต่ยังสามารถแพร่เชื้อได้
คำว่า Disease (โรค) ในบางบริบททำให้ผู้ติดเชื้อรู้สึกว่าตนเองมีปัญหารุนแรง หรือถูกมองว่า “ไม่สะอาด” การใช้คำว่า Infection ช่วยทำให้การพูดคุยเรื่องสุขภาพทางเพศเป็นมิตรมากขึ้น ส่งเสริมให้คนกล้าตรวจ กล้ารักษา และเปิดใจคุยกับแพทย์มากขึ้น
ทั้ง WHO และ CDC ได้ปรับการใช้คำในเอกสารแนะนำโรคทางเพศสัมพันธ์เป็น STI แล้วอย่างชัดเจน และแนะนำให้ใช้ในสื่อสุขภาพและการสื่อสารสาธารณะ เพื่อลดการตีตราและเข้าถึงประชาชนได้มากขึ้น
อ้างอิง: WHO STI Factsheet 2023 และ CDC STI Guidelines 2021
แม้ในปัจจุบันหน่วยงานด้านสาธารณสุขจะใช้คำว่า “STI” กันอย่างแพร่หลายมากขึ้น แต่คำว่า STDs (Sexually Transmitted Disease) ก็ยัง ไม่ใช่คำผิด และยังพบได้ในหลายบริบท เช่น
สิ่งสำคัญคือ เราควรเข้าใจว่า “STI” และ “STD” มีจุดเน้นต่างกัน:
ดังนั้น ในการสื่อสารกับผู้ป่วยหรือเขียนบทความเพื่อการศึกษา ควรเลือกคำให้เหมาะกับบริบท เพื่อให้เข้าใจง่าย และไม่ทำให้ผู้อ่านรู้สึกกังวลเกินเหตุ
แม้คำว่า STIs และ STDs จะเกี่ยวข้องกัน แต่ในโลกจริงการใช้งานของสองคำนี้ต่างกันไปตาม บริบทของการสื่อสาร ดังนี้
บริบทการใช้งาน |
คำที่นิยมใช้ |
เหตุผล/คำอธิบาย |
---|---|---|
การสื่อสารทางวิชาการ |
STI |
ใช้ตามแนวทาง WHO, CDC ปัจจุบัน |
การวินิจฉัยเมื่อมีอาการ |
STD |
หมอใช้เมื่อพบอาการ/ภาวะแทรกซ้อนชัดเจน |
การให้คำปรึกษาคนไข้ |
STI |
เพื่อหลีกเลี่ยงคำที่อาจสร้างความรู้สึกแย่ |
การเขียนบทความสุขภาพ |
STI (หลัก) + STD (อ้างอิง) |
ช่วยให้คนทั่วไปเข้าใจและค้นหาข้อมูลเจอ |
กฎหมาย/แบบฟอร์มราชการ |
STD |
พบในเอกสารเดิม/ข้อบังคับในบางประเทศ |
สื่อบันเทิง/บทสนทนา |
STD |
คำนี้ยังติดปากและเป็นที่รู้จักในวงกว้าง |
หมายเหตุ:
ในยุคที่โรคเพศสัมพันธ์ยังคงเพิ่มขึ้นทุกปี การใช้ภาษาที่ถูกต้องและอ่อนโยน คือจุดเริ่มต้นของการดูแลสุขภาพทางเพศอย่างแท้จริง
อ่านเพิ่มเติม STIs
หากต้องการนัดหมายเข้ารับบริการหรือต้องการปรึกษาเพิ่มเติม
สามารถจองคิวผ่านเว็บไซต์ หรือ Inbox ทางช่องทาง Social Media ต่างๆ ได้ด้านล่างนี้