โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (Sexually Transmitted Infections: STIs) เป็นกลุ่มโรคที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย โดยบางโรคอาจไม่แสดงอาการชัดเจน แต่ยังคงแพร่เชื้อได้ การตรวจคัดกรองจึงมีความสำคัญเพื่อดูแลสุขภาพของตนเองและป้องกันการส่งต่อเชื้อให้ผู้อื่น
หนึ่งในวิธีที่หลายคนสนใจคือ การตรวจปัสสาวะ เพราะสะดวก ไม่เจ็บตัว และใช้เวลาไม่นาน แต่หลายคนอาจสงสัยว่า วิธีนี้ตรวจหาโรคอะไรได้บ้าง และมีข้อจำกัดอย่างไร บทความนี้จะอธิบายอย่างละเอียด เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกวิธีตรวจที่เหมาะสมที่สุดในปี 2025
การตรวจปัสสาวะ (Urine test or Urinalysis) เป็นหนึ่งในวิธีที่ใช้ในการตรวจหาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์บางชนิด ปัจจุบันห้องปฏิบัติการมักใช้เทคนิค NAAT หรือ PCR (Nucleic Acid Amplification Test / Polymerase Chain Reaction) เพื่อตรวจหาสารพันธุกรรมของเชื้อในปัสสาวะ วิธีนี้สะดวก ไม่เจ็บตัว และได้รับความนิยมมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มคนที่ไม่สะดวกตรวจด้วยการเก็บตัวอย่างจากอวัยวะเพศหรือการเจาะเลือด
อย่างไรก็ตาม การตรวจปัสสาวะไม่ได้ตรวจเจอโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ทุกชนิด แต่จะเหมาะกับบางโรคเท่านั้น เช่น หนองในแท้ (Gonorrhea) และหนองในเทียม (Chlamydia) ซึ่งมักตรวจเจอได้แม่นยำจากตัวอย่างปัสสาวะแรกในตอนเช้า
ดังนั้น หากสงสัยว่าตัวเองอาจมีความเสี่ยงต่อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ควรทราบว่าการตรวจปัสสาวะเป็นเพียงหนึ่งในหลายวิธี และอาจต้องใช้วิธีตรวจอื่นร่วมด้วยเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ครบถ้วนและถูกต้องที่สุด
การตรวจปัสสาวะสามารถใช้ตรวจหาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์บางชนิด โดยเฉพาะการตรวจด้วยวิธี NAAT (Nucleic Acid Amplification Test) ที่มีความไวและแม่นยำสูง วิธีนี้เหมาะสำหรับโรคที่มีเชื้ออยู่ในทางเดินปัสสาวะ เช่น
อย่างไรก็ตาม ความถูกต้องของผลตรวจขึ้นกับหลายปัจจัย เช่น ปริมาณเชื้อในตัวอย่าง ระยะเวลาหลังสัมผัสเชื้อ และวิธีการเก็บปัสสาวะ จึงควรปรึกษาแพทย์เพื่อเลือกวิธีตรวจที่เหมาะสมที่สุด
แม้ว่าการตรวจปัสสาวะจะช่วยตรวจหาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์บางชนิดได้ แต่ก็มีหลายโรคที่ ไม่สามารถตรวจพบด้วยปัสสาวะ และจำเป็นต้องใช้การตรวจเลือดหรือการเก็บตัวอย่างจากอวัยวะที่เกี่ยวข้องแทน ได้แก่
การเลือกวิธีตรวจขึ้นอยู่กับชนิดของโรคที่สงสัยและอวัยวะที่ได้รับเชื้อ การตรวจหลายวิธีร่วมกันจะช่วยเพิ่มความแม่นยำและครอบคลุมมากที่สุด
การตรวจปัสสาวะเพื่อหาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ถือว่าเป็นวิธีที่ ไม่เจ็บตัว ต่างจากการตรวจด้วยการเจาะเลือดหรือการเก็บตัวอย่างด้วยไม้ swab ซึ่งบางคนอาจรู้สึกไม่สบายตัว การตรวจแบบนี้เพียงแค่เก็บปัสสาวะช่วงแรก (first-catch urine) ใส่ภาชนะที่สะอาดตามที่เจ้าหน้าที่แนะนำ แล้วนำไปตรวจในห้องปฏิบัติการ
อย่างไรก็ตาม บางคนอาจรู้สึกอายหรือกังวลเรื่องขั้นตอนการเก็บตัวอย่าง ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ แพทย์และเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ได้รับการฝึกฝนให้ให้คำแนะนำโดยรักษาความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของข้อมูลผู้รับบริการ
ดังนั้น หากกังวลเรื่องความเจ็บปวด การตรวจปัสสาวะถือเป็นหนึ่งในทางเลือกที่สบายและสะดวกที่สุดสำหรับการตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์บางชนิด
การตรวจปัสสาวะเพื่อหาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมมากขึ้น เพราะมีข้อดีหลายด้าน แต่ก็มีข้อจำกัดที่ควรเข้าใจเช่นกัน
ข้อดีของการตรวจปัสสาวะ
ข้อเสียและข้อจำกัดของการตรวจปัสสาวะ
วิธีการตรวจหาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์มีหลายแบบ โดยแต่ละวิธีมีความเหมาะสมและข้อจำกัดต่างกัน
ตรวจปัสสาวะ
ตรวจเลือด
ตรวจด้วยไม้ Swab (เก็บสารคัดหลั่งจากอวัยวะเพศ/ช่องปาก/ทวารหนัก)
ดังนั้น การเลือกวิธีตรวจขึ้นอยู่กับชนิดโรคที่ต้องการตรวจและตำแหน่งที่สงสัยว่าได้รับเชื้อ
ผลการตรวจปัสสาวะเพื่อหาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์จะมีความแม่นยำก็ต่อเมื่อทำการตรวจในช่วงเวลาที่เหมาะสมหลังจากมีความเสี่ยงติดเชื้อ หรือที่เรียกว่า Window period
หากตรวจเร็วเกินไป เชื้ออาจยังไม่มากพอที่จะตรวจพบ ทำให้ผลออกมาเป็นลบทั้งที่มีการติดเชื้อจริง ดังนั้น หากมีความเสี่ยงสูง ควรตรวจในช่วงเวลาที่เหมาะสม หรืออาจต้องตรวจซ้ำตามคำแนะนำของแพทย์เพื่อยืนยันผล
แม้บางคนจะไม่มีอาการผิดปกติ แต่ก็อาจติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ การตรวจปัสสาวะจึงเป็นทางเลือกที่ควรพิจารณาในกลุ่มต่อไปนี้
การตรวจแม้ในคนที่ไม่มีอาการ ถือเป็นการดูแลสุขภาพตนเองและป้องกันการแพร่เชื้อต่อไปยังผู้อื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เพื่อให้ผลตรวจปัสสาวะหาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์มีความแม่นยำ ผู้เข้ารับการตรวจควรปฏิบัติตามคำแนะนำดังนี้
การเตรียมตัวที่ถูกต้องช่วยให้การตรวจได้ผลที่เชื่อถือได้ และลดความเสี่ยงในการต้องตรวจซ้ำ
ระยะเวลาที่ใช้ในการทราบผลตรวจปัสสาวะเพื่อหาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ขึ้นอยู่กับเทคนิคที่ห้องปฏิบัติการใช้และระบบการรายงานผลของแต่ละคลินิก
ควรสอบถามเวลารอผลจากคลินิกโดยตรง เนื่องจากแต่ละสถานพยาบาลอาจมีระบบและระยะเวลาที่ไม่เหมือนกัน
ผลตรวจปัสสาวะเพื่อหาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์จะถูกรายงานออกมาในรูปแบบที่เข้าใจง่าย โดยทั่วไปห้องปฏิบัติการจะแสดงผลว่า
แม้ว่าผลตรวจจะบอกได้ชัดเจนระดับหนึ่ง แต่การแปลผลยังต้องอาศัยการซักประวัติ อาการ และปัจจัยเสี่ยงร่วมด้วย ดังนั้นควรให้แพทย์เป็นผู้สรุปผลเพื่อความถูกต้องและเพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสม
หากผลตรวจปัสสาวะออกมาเป็นบวก หมายความว่าพบการติดเชื้อ ควรดำเนินการตามขั้นตอนต่อไปนี้
การดูแลอย่างถูกต้องหลังทราบผลตรวจมีความสำคัญทั้งต่อสุขภาพของตนเองและการป้องกันการแพร่เชื้อสู่ผู้อื่น
ปัจจุบันมี ชุดตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์แบบตรวจเองที่บ้าน (home test kit) วางจำหน่าย ซึ่งบางชนิดใช้ปัสสาวะเป็นตัวอย่างในการตรวจ จุดเด่นคือสะดวก รักษาความเป็นส่วนตัว และไม่ต้องเดินทางไปคลินิก
อย่างไรก็ตาม ชุดตรวจที่บ้านมีข้อจำกัดหลายประการ เช่น
ดังนั้น การตรวจที่บ้านอาจเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการคัดกรองเบื้องต้น แต่หากต้องการความถูกต้องและครอบคลุม ควรเข้ารับการตรวจที่คลินิกหรือโรงพยาบาลที่มีเครื่องมือมาตรฐาน
แม้ว่าการตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ด้วยชุดตรวจที่บ้านจะสะดวกและเป็นส่วนตัว แต่การตรวจที่คลินิกเฉพาะทางยังคงมีข้อได้เปรียบหลายด้านที่สำคัญ ได้แก่
ดังนั้น หากต้องการความมั่นใจและผลที่ครอบคลุม การตรวจที่คลินิกเฉพาะทางยังคงเป็นทางเลือกที่เชื่อถือได้มากกว่า
หลายคนที่เข้ารับการตรวจปัสสาวะหาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์มักมีความกังวลก่อนตรวจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความเจ็บ ความเป็นส่วนตัว หรือระยะเวลารอผล แต่จากประสบการณ์ของผู้ที่เคยตรวจจริง ส่วนใหญ่พบว่า
รีวิวเหล่านี้สะท้อนว่าการตรวจปัสสาวะเป็นหนึ่งในวิธีที่หลายคนยอมรับและเลือกใช้ เมื่อกังวลเรื่องโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
ที่ Bangkok Safe Clinic มีบริการตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ด้วยวิธี PCR จากปัสสาวะ ครอบคลุมหลายแพ็กเกจ ขึ้นอยู่กับจำนวนโรคที่ตรวจ ดังนี้
ราคาดังกล่าวรวมค่าตรวจในห้องปฏิบัติการแล้ว แต่ อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เช่น ค่าพบแพทย์หรือค่าปรึกษา ขึ้นอยู่กับความจำเป็นของผู้เข้ารับบริการ
การตรวจปัสสาวะเพื่อหาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการตรวจหาเชื้อบางชนิด เช่น หนองในแท้ (Gonorrhea) และหนองในเทียม (Chlamydia) โดยเฉพาะผู้ที่ไม่สะดวกตรวจด้วยการเจาะเลือดหรือเก็บตัวอย่างด้วย swab วิธีนี้สะดวก ไม่เจ็บตัว และให้ผลรวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม การตรวจปัสสาวะ ไม่สามารถครอบคลุมทุกโรคได้ หากสงสัยการติดเชื้อชนิดอื่น เช่น HIV, ซิฟิลิส, เริม หรือ HPV ควรเลือกตรวจเลือดหรือวิธีที่เหมาะสมเพิ่มเติมตามคำแนะนำของแพทย์
ดังนั้น ผู้ที่มีความเสี่ยงหรือมีพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศ ควรพิจารณาตรวจด้วยวิธีที่หลากหลายเพื่อให้ได้ผลที่ครบถ้วนและแม่นยำ การเลือกตรวจแบบไหนดี จึงขึ้นอยู่กับ ชนิดของโรคที่ต้องการตรวจ อาการ และคำแนะนำจากแพทย์เฉพาะทาง
หากต้องการนัดหมายเข้ารับบริการหรือต้องการปรึกษาเพิ่มเติม
สามารถจองคิวผ่านเว็บไซต์ หรือ Inbox ทางช่องทาง Social Media ต่างๆ ได้ด้านล่างนี้